Skip to content

เด็กหลอดแก้ว IVF วิธีรักษาภาวะมีบุตรยาก เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จ


21 June 2025
Updates

ในปัจจุบันมีคู่สมรสหลายคู่มักเผชิญกับปัญหาภาวะมีบุตรยาก พยายามมาก็ตั้งนานแต่ก็ไม่ตั้งครรภ์สักที แต่ปัญหานี้สามารถรักษาได้ด้วยการทำ IVF หรือที่เรียกกันว่าเด็กหลอดแก้ว เทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่ช่วยเพิ่มโอกาสให้การมีบุตรประสบความสำเร็จมากขึ้น ในบทความนี้จะพามารู้จักและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเด็กหลอดแก้วคืออะไร ตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัว ไปจนถึงโอกาสความสำเร็จ พร้อมตอบคำถามที่หลายคนอาจสงสัย เพื่อให้เข้าใจและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

สารบัญบทความ

Header Tag 2 : เด็กหลอดแก้วคืออะไร?

เด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertillization : IVF) คือ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ช่วยแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยการนำเซลล์สืบพันธุ์ของฝ่ายหญิงและฝ่ายชายจำนวนหนึ่งมาชักนำให้เกิดการปฏิสนธิเองภายนอกร่างกาย ในห้องปฏิบัติการที่มีการควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างเหมาะสม จนเกิดเป็นตัวอ่อนระยะบลาสโตซีสต์ (Blastocyst) ก่อนที่จะนำกลับเข้าสู่มดลูกเพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์ต่อไป 

โดยการทำเด็กหลอดแก้วสามารถเพาะเลี้ยงให้เกิดตัวอ่อนแล้วนำกลับเข้าสู่มดลูกได้เลย หรือจะเพาะเลี้ยงจนได้ตัวอ่อนแล้วทำการแช่แข็งตัวอ่อนไว้ก่อนเพื่อนำมาฝังตัวอ่อนในมดลูกเมื่อพร้อมก็ได้เช่นกัน

รู้จักการทำกิ๊ฟ เทคโนโลยีเจริญพันธุ์ต้นกำเนิดของการทำเด็กหลอดแก้วในปัจจุบัน อ่านต่อได้ที่ : ทํากิ๊ฟ (GIFT) คืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร ต่างกับเด็กหลอดแก้วอย่างไร

Header Tag 2 : การทำเด็กหลอดแก้ว เหมาะกับใครบ้าง?

เด็กหลอดแก้วเหมาะกับใคร

เด็กหลอดแก้วเหมาะกับผู้ที่มีลูกยากจากปัญหาทางสุขภาพทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ดังต่อไปนี้

  • ฝ่ายหญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เซลล์ไข่มีปริมาณและคุณภาพลดลง
  • ผู้ที่มีภาวะตกไข่ผิดปกติ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ จากฮอร์โมนผิดปกติ
  • ผู้ที่มีภาวะท่อนำไข่อุดตัน 
  • ผู้ที่มีภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่
  • ผู้ที่มีเนื้องอกในมดลูก
  • ผู้ที่มีเซลล์ไข่มีเปลือกหนา
  • ผู้ที่มีจำนวนอสุจิน้อย อสุจิไม่แข็งแรง อสุจิเคลื่อนตัวช้า
  • ฝ่ายชายที่ผ่านการทำหมันแบบผูก แต่อยากมีลูกอีกครั้ง
  • ผู้ที่มีความผิดปกติ หรือมีความเสี่ยงทางพันธุกรรม 
  • ผู้ที่ต้องการมีบุตร แต่ไม่ต้องการปฏิสนธิด้วยวิธีธรรมชาติ
  • ผู้ที่มีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ แม้ว่าผลตรวจร่างกายจะเป็นปกติก็ตาม

Header Tag 2 : ก่อนทำเด็กหลอดแก้ว ต้องเตรียมตัวอย่างไร?

ก่อนเข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว แพทย์จะต้องขอตรวจร่างกายทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายว่าเหมาะสมที่จะรักษาด้วยการทำเด็กหลอดแก้วหรือไม่ ซึ่งจะมีรายการตรวจดังนี้

สำหรับฝ่ายหญิง

  • การตรวจภายใน 
  • การอัลตราซาวนด์
  • การส่องกล้องภายในโพรงมดลูก
  • การตรวจเลือดและปัสสาวะ

โดยรายการตรวจดังกล่าวจะเป็นการตรวจดูลักษณะของอวัยวะสืบพันธุ์เพื่อหาความผิดปกติ ตรวจระดับฮอร์โมน รวมไปถึงการตรวจโรคทางพันธุกรรม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์

สำหรับฝ่ายชาย

  • การตรวจคุณภาพอสุจิ
  • การตรวจเลือดและปัสสาวะ

รวมไปถึงการตรวจโรคทางพันธุกรรม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่อการปฏิสนธิ

หลังจากการตรวจร่างกายเป็นที่เรียบร้อย หากแพทย์ประเมินแล้วว่ามีความเหมาะสม สามารถทำเด็กหลอดแก้วได้ แพทย์ก็จะเริ่มให้ฝ่ายหญิงทานกรดโฟลิกเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนตั้งครรภ์ นอกจากนี้ ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชายควรจะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ได้แก่

  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์
  • พยายามควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์
  • งดมีเพศสัมพันธ์ประมาณ 3 วัน เพื่อให้น้ำอสุจิเมีปริมาณที่เหมาะสม

Header Tag 2 : ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้ว IVF

In Vitro Fertillization

การทำเด็กหลอดแก้ว IVF จะมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. การกระตุ้นไข่ 

เนื่องจากการทำ IVF จำเป็นจะต้องใช้เซลล์ไข่หลาย ๆ ใบ ดังนั้นก่อนทำการเก็บเซลล์ไข่เพื่อทำเด็กหลอดแก้ว แพทย์จะให้คุณแม่ฉีดยากระตุ้นไข่ในช่วงวันที่ 2-3 ของรอบเดือน ต่อเนื่องประมาณ 10-12 วัน ในระหว่างนี้จะมีการนัดคุณแม่เข้ามาอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจดูการเจริญและปริมาณของเซลล์ไข่ เมื่อเซลล์ไข่มีขนาดที่เหมาะสมแล้ว แพทย์จึงจะฉีดยากระตุ้นไข่ตกเพื่อเตรียมเก็บเซลล์ไข่ในอีก 36 ชั่วโมงต่อจากนี้

2. การเก็บเซลล์ไข่

หลังจากไข่สุกและพร้อมเก็บเต็มที่ แพทย์จะนัดคุณแม่เข้ามาเก็บเซลล์ไข่ โดยการสอดเข็มขนาดเล็กเพื่อดูดเซลล์ไข่จากรังไข่ผ่านทางช่องคลอด และใช้การอัลตราซาวนด์เพื่อระบุตำแหน่ง ในขั้นตอนนี้คุณแม่จะหลับสนิทจากฤทธิ์ยาระงับความรู้สึกเป็นเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง เมื่อเก็บเซลล์ไข่ออกมาได้แล้ว ก็จะถูกนำไปเลี้ยงในน้ำยาเฉพาะเพื่อรอการปฏิสนธิต่อไป

3. การเก็บอสุจิ

สำหรับคุณพ่อจะมีขั้นตอนการเก็บที่ไม่ยุ่งยากมากนัก โดยเจ้าหน้าที่จะให้ภาชนะปลอดเชื้อมา ให้คุณพ่อจัดเก็บน้ำอสุจิ และนำส่งคืนให้กับเจ้าหน้าที่ เพื่อเตรียมคัดแยกอสุจิ และเติมสารอาหารที่เหมาะสมสำหรับอสุจิเพื่อให้อสุจิแข็งแรงพร้อมปฏิสนธิ

4. การปฏิสนธิ

เมื่อเก็บเซลล์ไข่และอสุจิเรียบร้อยแล้ว ในขั้นตอนการปฏิสนธินั้นจะเป็นการนำเซลล์ไข่และอสุจิจำนวนหนึ่งมาอยู่ในจานเพาะเชื้อเดียวกัน และรอให้อสุจิวิ่งเข้าไปผสมกับเซลล์ไข่เอง แล้วจึงนำจานเพาะเลี้ยงเดิมมาส่องกล้องเพื่อดูว่าเกิดการปฏิสนธิขึ้นแล้วหรือยัง

5. การเลี้ยงตัวอ่อน

หากเซลล์ไข่และอสุจิปฏิสนธิเป็นที่เรียบร้อย ตัวอ่อนจะถูกย้ายออกไปเพาะเลี้ยงต่อในตู้ที่มีการควบคุมสภาวะที่เหมาะสมใกล้เคียงกับมดลูก ซึ่งจะเลี้ยงตัวอ่อนนี้ต่อไปในห้องปฏิบัติการจนถึงระยะบลาสโตซีสต์ (Blastocyst) ซึ่งเป็นระยะที่ตัวอ่อนมีความแข็งแรงมากพอ และพร้อมที่จะฝังตัวในโพรงมดลูก

6. การย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก

ตัวอ่อนระยะบลาสโตซีสต์จะถูกย้ายเข้ามาในโพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป โดยแพทย์จะนัดคุณแม่ให้เข้ามารับตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งขั้นตอนนี้แพทย์จะดูดตัวอ่อนเข้ามาในเครื่องมือ ก่อนที่จะสอดเครื่องมือนี้เข้ามาทางช่องคลอด จากนั้นใช้การอัลตราซาวนด์เพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสำหรับวางตัวอ่อน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวอ่อนฝังตัวและเกิดการตั้งครรภ์มากขึ้น

กรณีที่เซลล์ไข่และอสุจิสามารถปฏิสนธิจนเกิดเป็นตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการได้มากกว่า 1 ตัว สามารถเลือกที่จะเก็บรักษาตัวอ่อนที่เหลือด้วยการแช่แข็งตัวอ่อน เพื่อที่จะนำมาทำเด็กหลอดแก้วในคราวหลังได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการกระตุ้นไข่อีกครั้ง ซึ่งตัวอ่อนแช่แข็งสามารถเก็บรักษาได้นานหลายปีเลยทีเดียว

นอกจากนี้การทำเด็กหลอดแก้วในช่วงที่ร่างกายไม่ได้รับการกระตุ้นจากยากระตุ้นไข่ ยังมีโอกาสที่จะเกิดการตั้งครรภ์ได้มากกว่า เนื่องจากเยื่อบุโพรงมดลูกมีการเจริญตามปกติ ซึ่งแตกต่างจากการย้ายตัวอ่อนรอบสดที่เพิ่งผ่านการใช้ยากระตุ้นไข่ไป ที่เยื่อบุโพรงมดลูกมีโอกาสเจริญมากกว่าปกติจนอยู่ในสภาพที่ไม่เหมาะสมต่อการฝังตัวนั่นเอง

Header Tag 2 : หลังทำเด็กหลอดแก้วควรปฏิบัติตัวอย่างไร ลดความเสี่ยง เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์

หลังจากทำเด็กหลอดแก้วเป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้ตัวอ่อนมีโอกาสฝังตัวและเกิดการตั้งครรภ์ได้สำเร็จ การดูแลและปฏิบัติตนตามคำแนะนำของแพทย์มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งปกติแล้วจะมีแนวทางการปฏิบัติตนดังต่อไปนี้

  • งดการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการสอดล้างช่องคลอดในช่วง 14 วันแรก หลังจากย้ายตัวอ่อน 
  • ระมัดระวังกิจกรรมที่ทำให้เกิดการเกร็งหน้าท้อง เช่น การยกของหนัก การออกกำลังกายหนัก
  • รับประทานยาที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และห้ามรับประทานยาอื่นนอกจากแพทย์สั่ง
  • รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ ป้องกันการท้องผูกและท้องเสียที่อาจทำให้เกิดการเกร็งหน้าท้อง
  • หากมีอาการผิดปกติ ไม่ต้องรอ ให้รีบพบแพทย์เจ้าของไข้โดยทันที

Header Tag 2 : โอกาสตั้งครรภ์สำเร็จจากการทำเด็กหลอดแก้ว ขึ้นอยู่กับอะไร?

โอกาสตั้งครรภ์สำเร็จ

โอกาสประสบความสำเร็จตั้งครรภ์จากการทำเด็กหลอดแก้วขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ดังนี้

  • อายุของฝ่ายหญิง : ยิ่งอายุมาก ยิ่งมีโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จต่ำ
  • คุณภาพของอสุจิ : หากอสุจิไม่แข็งแรง มีความเข้มข้นน้อย โอกาสที่จะเกิดการปฏิสนธิก็น้อยลง
  • คุณภาพของเซลล์ไข่ : เซลล์ไข่ที่มีเปลือกหนาไป ทำให้อสุจิไม่สามารถเจาะเข้าไปปฏิสนธิได้ 
  • สุขภาพโดยรวมของทั้งสองฝ่าย : หากมีปัญหาทางสุขภาพ แน่นอนว่าทำให้การตั้งครรภ์สำเร็จได้ยากขึ้น

Header Tag 2 : คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเด็กหลอดแก้ว 

การทำเด็กหลอดแก้วมีภาวะแทรกซ้อนไหม?

การทำเด็กหลอดแก้วมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ตั้งแต่ขั้นตอนการกระตุ้นไข่ไปจนถึงการย้ายตัวอ่อน ได้แก่ การติดเชื้อ ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากไป การตกเลือด การตั้งครรภ์นอกมดลูก ฯลฯ

นอกจากนี้คุณแม่อาจมีอาการหลังใส่ตัวอ่อน เช่น ปวดท้อง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น

IVF และ ICSI ต่างกันอย่างไร?

การทำ IVF เป็นวิธีการชักนำให้เซลล์สืบพันธุ์เกิดการปฏิสนธิเองภายนอกร่างกาย แต่การทำ ICSI จะเป็นการนำเซลล์ไข่ 1 ใบ และอสุจิ 1 ตัว มาทำให้เกิดการปฏิสนธิโดยการฉีดอสุจิเข้าไปผสมกับไข่โดยตรง

ทำเด็กหลอดแก้วที่ไหนดี?

ควรจะเลือกสถานพยาบาลทำเด็กหลอดแก้วที่น่าเชื่อถือ ได้มาตรฐาน มีแพทย์พร้อมให้คำปรึกษาปัญหามีบุตรยากด้วยความยินดีอยู่เสมอ ภายในสถานพยาบาลควรมีห้องปฏิบัติการที่สะอาด ทันสมัย พร้อมให้บริการ 

เด็กหลอดแก้ว เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์สำเร็จให้กับผู้มีบุตรยาก

การวางแผนการมีบุตรไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การตั้งครรภ์มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น แต่หากเริ่มเข้าสู่ภาวะมีบุตรยากก็ยังไม่ต้องเป็นที่กังวลใจมากนัก เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่ช่วยให้เพิ่มโอกาสให้การตั้งครรภ์ประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่างเช่นการทำเด็กหลอดแก้ว ที่แม้ว่าจะมีบุตรยากจากอายุที่มากขึ้นหรือมีปัญหาทางสุขภาพ ก็สามารถมีโอกาสสำเร็จได้มากกว่าเดิม

สามารถสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการทำเด็กหลอดแก้วเพิ่มเติมได้ที่

Other success stories

Updates

What is ICSI treatment? Procedure, Risks, and Success Rates

Read the story
Updates

IUI (Intrauterine Insemination) – Procedures, Success Rates, and Costs

Read the story
Updates

What is Next-Generation DNA Sequencing or NGS?

Read the story
Updates

IVF (In-vitro Fertilization) – Process, Costs, Success Rates, and More

Read the story

The Biological Clock

This tool indicates:

  • Natural conception per month if you have no fertility issues
  • IVF success rate at the same age
  • When to seek help after months of unsuccessful attempts

If you are concerned at any stage – we recommend booking a doctor appointment or a free nurse consultation. The sooner you make a plan the better your chances in the long term.

When to seek advice early

  • If you have polycystic ovaries, endometriosis, or have been through a cancer diagnosis; we recommend you get in touch quickly so we can talk you through all your options and give you the greatest possible chance of success.
  • If you’re a single woman considering motherhood in the future; it’s best to approach us early and consider egg freezing as this can be an option for you while you have a higher ovarian reserve and healthier eggs.
Set your age and the months you’ve been trying to conceive
26
2
Your chance of having a baby per month for fertile couples
Your chance of having a baby per IVF cycle (if experiencing infertility)

Body Mass Index calculator

Being overweight or underweight can reduce fertility, so it is important to keep your body weight within the normal healthy range.

Body Mass Index (BMI) is an indication of your body weight and can be calculated by dividing weight by height. You should aim for a BMI of between 20 and 25, as this will optimise your chances of conception.

Woman’s BMI below 19

Even in these modern times, nature knows best. If a woman's BMI falls below 19, the body senses famine and ovulation is switched off to prevent the risk of having a baby with malnutrition. Excessive exercise can reduce body fat and increase muscle mass to a point where periods cease for the same reason. Risk of miscarriage is also increased in women with a low BMI.

Being underweight

If a woman's BMI falls below 19, the body senses famine and ovulation is switched off to prevent the risk of having a baby with malnutrition. Excessive exercise can reduce body fat and increase muscle mass to a point where periods cease for the same reason. Risk of miscarriage is also increased in women with a low BMI.

BMI’s greater than 30

This can reduce fertility by 50%. Pregnancy for women with a 30+ BMI is often associated with problems such as maternal diabetes, high blood pressure, big babies and increased risk of caesarean section.

Add your height and weight to calculate your BMI