Skip to content
Our blog / Updates
19 November 2025

ตกขาวคนท้อง เกิดจากอะไร สัญญาณเตือนที่บอกว่าอันตราย!


19 November 2025
Updates

ตกขาวคนท้อง เป็นหนึ่งในอาการที่มักพบได้บ่อยระหว่างตั้งครรภ์ จนหลายครอบครัวโดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่เกิดความกังวลว่าเป็นเรื่องปกติหรือไม่ จริง ๆ แล้วตกขาวเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอด เพียงแต่ในช่วงตั้งครรภ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่าปกติ เนื่องจากระดับฮอร์โมนคนท้องที่สูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตว่ามีตกขาวที่มีสี กลิ่น หรือความข้นผิดไปจากเดิม ควรต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะอาจบ่งบอกถึงภาวะที่ควรให้แพทย์ตรวจเพิ่มเติม คู่สมรสและคุณพ่อคุณแม่ควรรู้ว่าตกขาวคนท้องเป็นยังไง และควรสังเกตตกขาวแบบไหนท้อง เพื่อแยกความแตกต่างระหว่างภาวะปกติ และสิ่งที่ควรระวังขณะตั้งครรภ์

ตกขาวผิดปกติ ดูได้อย่างไร?

ตกขาว เป็นอาการที่เกิดจากของเหลวหรือสารคัดหลั่ง (Vaginal Discharge) จากต่อมในช่องคลอดและปากมดลูก ซึ่งมีหน้าที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น และสมดุลของจุลชีพในช่องคลอด (Vaginal Microbiota) โดยทั่วไปตกขาวที่ปกติจะมีสีใสหรือขาวขุ่นเล็กน้อย ไม่มีกลิ่น และไม่ทำให้เกิดอาการคัน แต่เมื่อสี กลิ่น หรือความข้นเหนียวเปลี่ยนไป ก็อาจเป็นสัญญาณของอาการตกขาวผิดปกติที่ควรเฝ้าระวัง

หนึ่งในลักษณะที่พบได้บ่อยของอาการตกขาวผิดปกติ คือ ตกขาวเป็นก้อนแป้ง ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อรา ‘Candida Albicans’ ตกขาวลักษณะนี้จะข้นคล้ายแป้งเปียกหรือนมข้น พร้อมอาการคันและแสบร้อนบริเวณปากช่องคลอด (Vulvar Pruritus) ส่วนตกขาวที่มีกลิ่นคาวคล้ายปลา มักจะสัมพันธ์กับเชื้อแบคทีเรีย Gardnerella Vaginalis ซึ่งเป็นสาเหตุของ Bacterial Vaginosis (BV) ขณะที่ตกขาวสีเขียวหรือเหลืองเป็นฟอง อาจเกิดจากเชื้อโปรโตซัว Trichomonas Vaginalis ที่ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์

การสังเกตลักษณะของตกขาวอย่างละเอียด เช่น สี กลิ่น และอาการร่วมอื่น ๆ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะช่วยให้แยกได้ว่าอาการตกขาวนั้นอยู่ในช่วงปกติหรือมีแนวโน้มผิดปกติ หากพบความเปลี่ยนแปลงจากเดิม ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาที่ถูกต้อง

ตกขาวผิดปกติ เกิดจากอะไรได้บ้าง?

ตกขาวเป็นก้อนแป้ง

 

อาการตกขาวที่เปลี่ยนไปจากปกติ เช่น สี กลิ่น หรือปริมาณมากขึ้นจนรู้สึกไม่สบายตัว เป็นสัญญาณที่ควรใส่ใจ เพราะบ่งบอกถึงความผิดปกติภายในช่องคลอด โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่พบได้บ่อยในอาการตกขาวผิดปกติ ได้แก่

  • การติดเชื้อราในช่องคลอด (Candida Albicans)

เกิดจากเชื้อราที่เจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมอับชื้น เช่น การใส่กางเกงรัดแน่น หรือชุดชั้นในที่ไม่ระบายอากาศ ทำให้ตกขาวข้นเป็นก้อนคล้ายแป้งเปียก และส่งผลให้คันบริเวณปากช่องคลอด

  • ารติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด (Bacterial Vaginosis)

เกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรียชนิดดี (Lactobacillus ) ทำให้เชื้อ Gardnerella Vaginalis เพิ่มจำนวน ส่งผลให้ตกขาวมีกลิ่นคาวปลา มีสีเทาหรือขาวขุ่น

  • การติดเชื้อปรสิตในช่องคลอด (Trichomonas Vaginalis)

ติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ตกขาวมีสีเขียวหรือเหลือง เป็นฟอง มีกลิ่นเหม็น และอาจมีอาการแสบขัดขณะปัสสาวะ

  • การแพ้หรือการระคายเคือง (Irritant Vaginitis)

จากสบู่ น้ำยาทำความสะอาด หรือการสวนล้างช่องคลอดบ่อยเกินไป ทำให้เยื่อบุช่องคลอดอักเสบ และมีตกขาวมากผิดปกติ

  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen Imbalance)

เกิดขึ้นในช่วงก่อนมีประจำเดือน ช่วงวัยหมดประจำเดือน หรือจากการใช้ยาคุมกำเนิดบางชนิด ส่งผลให้มีตกขาวเพิ่มขึ้น

  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Infections)

เช่น หนองในแท้ (Neisseria Gonorrhoeae) หรือหนองในเทียม (Chlamydia Trachomatis) ทำให้ตกขาวมีลักษณะคล้ายหนอง กลิ่นแรง และอาจมีเลือดปน

สำหรับใครที่สงสัยว่าตกขาวเยอะเกิดจากอะไร นอกจากสาเหตุด้านบนแล้ว พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่น ความเครียด หรือการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจมีส่วนกระตุ้นให้ตกขาวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน 

ตกขาวคนท้องเกิดจากอะไร สาเหตุหลักที่ควรรู้

ในช่วงตั้งครรภ์ ผู้หญิงหลายคนจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของตกขาว ซึ่งเป็นอาการที่สัมพันธ์กับการปรับตัวของร่างกายต่อฮอร์โมนคนท้องและระบบสืบพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นเรื่องปกติ และช่วยปกป้องช่องคลอดจากการติดเชื้อ โดยสาเหตุของตกขาวคนท้องเกิดจากหลายปัจจัย ดังนี้

  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progesterone)

ฮอร์โมนเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงตั้งครรภ์ ทำให้ต่อมภายในช่องคลอดและปากมดลูกผลิตสารคัดหลั่ง (Vaginal Secretion) มากขึ้น เพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้นของช่องคลอด และป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด รวมถึงช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียชนิดดี (Lactobacillus)

  • การไหลเวียนเลือดที่เพิ่มขึ้นบริเวณช่องคลอด

การเพิ่มขึ้นของปริมาณเลือดในบริเวณอุ้งเชิงกราน ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องคลอดไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น ส่งผลให้ตกขาวมีปริมาณเพิ่มขึ้น และบางครั้งมีลักษณะเหนียวหรือข้นขึ้น การไหลเวียนเลือดที่ดีนี้ยังช่วยส่งสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อ ทำให้ช่องคลอดแข็งแรง และป้องกันการติดเชื้อ

  • การปรับตัวของระบบภูมิคุ้มกัน

ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายต่อต้านตัวอ่อน การปรับตัวนี้ทำให้ร่างกายตอบสนองต่อเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมน้อยลง ทำให้ลักษณะตกขาวในช่วงตั้งครรภ์แตกต่างจากก่อนตั้งครรภ์ และบางครั้งอาจมีสีหรือความข้นเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ซึ่งถือว่าเป็นปกติ

  • การติดเชื้อเล็กน้อยหรือการระคายเคือง

การระคายเคืองจากชุดชั้นในที่ไม่ระบายอากาศ สบู่ หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้น อาจทำให้ตกขาวเพิ่มขึ้นชั่วคราว นอกจากนี้ การติดเชื้อ เช่น เชื้อรา (Candida) ก็สามารถทำให้ตกขาวมีลักษณะเหนียว ข้น หรือมีกลิ่นเล็กน้อยได้ 

ตกขาวคนท้องระยะแรก ปริมาณตกขาวจะเริ่มเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยไม่มีอาการเจ็บหรือกลิ่นเหม็น การสังเกตลักษณะตกขาวของคนท้องช่วงนี้ จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รับรู้ความเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรมชาติ ในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจอัลตราซาวนด์ เพื่อประเมินสุขภาพของมดลูกและตัวอ่อนควบคู่กับการติดตามอาการตกขาว หากตกขาวมีสี กลิ่น หรืออาการผิดปกติร่วม ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการดูแลที่เหมาะสม 

อาการตกขาวตอนตั้งครรภ์อันตรายไหม?

ตกขาวสีเหลือง ตั้งครรภ์

 

การมีอาการตกขาวคนท้องถือเป็นเรื่องปกติในช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต่อมในช่องคลอดและปากมดลูกผลิตสารคัดหลั่งมากขึ้น ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้นและป้องกันการติดเชื้อได้

ตกขาวคนท้องแบบไหนที่ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ

ถึงแม้การมีตกขาวคนท้องจะเป็นเรื่องปกติ แต่คุณแม่ควรสังเกตลักษณะของตกขาวอย่างใกล้ชิด หากพบตกขาวสีเหลืองตอนตั้งครรภ์ หรือเป็นสีเขียว ข้น มีกลิ่นเหม็น และมีอาการคัน แสบร้อน เจ็บขณะปัสสาวะ รวมถึงมีเลือดปน ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เพราะอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

ซึ่งถ้าหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจส่งผลต่อสุขภาพของแม่และทารกในครรภ์ การติดตามอาการตกขาวควบคู่กับการฝากครรภ์เป็นประจำ จะช่วยให้มั่นใจว่าสุขภาพแม่และลูกในครรภ์ปลอดภัย และได้รับการดูแลที่เหมาะสม

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับตกขาวคนท้อง​

 

1. ตกขาวแบบไหนถึงรู้ว่าท้อง?


ตกขาวที่อาจบ่งบอกการตั้งครรภ์จะมีลักษณะเป็นมูกใสหรือสีขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก ปริมาณมากกว่าปกติ แต่ไม่มีกลิ่นเหม็น และไม่คัน แต่การมีตกขาวลักษณะนี้เพียงอย่างเดียวยังไม่สามารถยืนยันการตั้งครรภ์ได้ 100% หากสงสัยว่าตั้งครรภ์ แนะนำให้ทำการตรวจครรภ์จะแม่นยำมากกว่า

 

2. ตกขาวตั้งครรภ์สีอะไร?


โดยปกติตกขาวคนท้องจะเป็นสีขาวใส หรือขาวขุ่นคล้ายแป้งเปียก อาจมีปริมาณมากกว่าปกติ และไม่มีกลิ่นหรือมีกลิ่นอ่อน ๆ แต่หากพบสีอื่น เช่น เหลือง เขียว หรือน้ำตาล มีกลิ่นเหม็น คัน หรือแสบร้อน อาจบ่งชี้ถึงการติดเชื้อหรือความผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจและดูแล

ตกขาวคนท้อง หากสงสัยว่าผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์

การสังเกตลักษณะตกขาวของคนท้อง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่รับรู้ความเปลี่ยนแปลง และสังเกตความผิดปกติได้ง่ายขึ้น การมีตกขาวคนท้องในปริมาณที่มากขึ้น หรือมีสี และกลิ่นผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณของภาวะที่ต้องได้รับการดูแล การติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและปรึกษาแพทย์เมื่อพบความผิดปกติ จะช่วยให้สุขภาพแม่และลูกปลอดภัย 

หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือนัดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพครรภ์ สามารถติดต่อ BeyondIVF ได้ที่นี่

Other success stories

Updates

What is Ovulation Tracking and How to Count It?

Read the story
Updates

What is NIPT? Non-Invasive Prenatal Testing for Chromosomal Abnormalities in the Fetus

Read the story
Updates

ทําหมันแล้วอยากมีลูก เลือกวิธีใดได้บ้าง จะตั้งครรภ์ได้อีกหรือไม่

Read the story
Updates

EmbryoScope+ เทคโนโลยีเลี้ยงตัวอ่อนอัจฉริยะ เพิ่มโอกาสสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว

Read the story

The Biological Clock

This tool indicates:

  • Natural conception per month if you have no fertility issues
  • IVF success rate at the same age
  • When to seek help after months of unsuccessful attempts

If you are concerned at any stage – we recommend booking a doctor appointment or a free nurse consultation. The sooner you make a plan the better your chances in the long term.

When to seek advice early

  • If you have polycystic ovaries, endometriosis, or have been through a cancer diagnosis; we recommend you get in touch quickly so we can talk you through all your options and give you the greatest possible chance of success.
  • If you’re a single woman considering motherhood in the future; it’s best to approach us early and consider egg freezing as this can be an option for you while you have a higher ovarian reserve and healthier eggs.
Set your age and the months you’ve been trying to conceive
26
2
Your chance of having a baby per month for fertile couples
Your chance of having a baby per IVF cycle (if experiencing infertility)

Body Mass Index calculator

Being overweight or underweight can reduce fertility, so it is important to keep your body weight within the normal healthy range.

Body Mass Index (BMI) is an indication of your body weight and can be calculated by dividing weight by height. You should aim for a BMI of between 20 and 25, as this will optimise your chances of conception.

Woman’s BMI below 19

Even in these modern times, nature knows best. If a woman's BMI falls below 19, the body senses famine and ovulation is switched off to prevent the risk of having a baby with malnutrition. Excessive exercise can reduce body fat and increase muscle mass to a point where periods cease for the same reason. Risk of miscarriage is also increased in women with a low BMI.

Being underweight

If a woman's BMI falls below 19, the body senses famine and ovulation is switched off to prevent the risk of having a baby with malnutrition. Excessive exercise can reduce body fat and increase muscle mass to a point where periods cease for the same reason. Risk of miscarriage is also increased in women with a low BMI.

BMI’s greater than 30

This can reduce fertility by 50%. Pregnancy for women with a 30+ BMI is often associated with problems such as maternal diabetes, high blood pressure, big babies and increased risk of caesarean section.

Add your height and weight to calculate your BMI