สำหรับหลายคู่รัก การสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์อาจหมายถึงการมีเจ้าตัวน้อยมาเติมเต็ม แต่เส้นทางนี้อาจไม่ได้ง่ายเสมอไปเมื่อต้องเผชิญกับการมีลูกยาก หรือภาวะมีบุตรยาก ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยกว่าที่คิด ภาวะนี้เกิดได้จากทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง การทำความเข้าใจสาเหตุจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการวางแผนเพื่อมีโซ่ทองคล้องใจในอนาคต
มีลูกยาก หรือ ภาวะการมีบุตรยาก คืออะไร?
การมีลูกยาก หรือภาวะการมีบุตรยาก (Infertility) คือ ภาวะที่คู่สมรสมีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอโดยไม่ได้คุมกำเนิด แต่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ตามระยะเวลาที่ควรจะเป็น ซึ่งทางการแพทย์จะพิจารณาว่า หากปล่อยตามธรรมชาตินานเกิน 1 ปีโดยไม่ตั้งครรภ์ หรือหากฝ่ายหญิงอายุเกิน 35 ปีและพยายามมานานเกิน 6 เดือน
ในกรณีแบบนี้จะเข้าข่ายเป็นภาวะการมีบุตรยาก ซึ่งเป็นความผิดปกติบางอย่างที่อาจเกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย สำหรับคนมีลูกยากหลายคู่ที่ยังอยากมีลูก การพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินและวางแผนการรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการรอโดยไม่รู้แนวทางอาจทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์ลดลงโดยไม่รู้ตัว
สาเหตุหลักของการมีลูกยากเกิดจากอะไรได้บ้าง?
มีลูกยากเกิดจากอะไร? สาเหตุของการมีลูกยากเกิดขึ้นได้จากทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย โดยข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ในกรณีที่มีลูกยาก ส่วนใหญ่จะเกิดจากฝ่ายหญิงประมาณ 40% ฝ่ายชาย 25% อีก 20% มาจากทั้งสองฝ่าย และอีก 15% เป็นภาวะการมีบุตรยาก (Infertility) ที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ชัดเจน ดังนั้นคู่รักที่กำลังเผชิญปัญหานี้ ควรเข้ารับการประเมินจากแพทย์เพื่อหาทางแก้ไขให้ตรงจุด
ปัญหาที่เกิดจากฝ่ายหญิง
ความสมบูรณ์ของระบบสืบพันธุ์ฝ่ายหญิงเป็นหัวใจสำคัญของการตั้งครรภ์ เพราะทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตกไข่ การปฏิสนธิไปจนถึงการฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูก ล้วนต้องอาศัยการทำงานที่ปกติของอวัยวะต่าง ๆ
โดยปัญหาที่อาจเกิดขึ้นและส่งผลต่อการมีบุตรยาก สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ๆ คือ
- เซลล์ไข่ (Oocyte) : คุณภาพและจำนวนของไข่จะลดลงตามวัย โดยเฉพาะเมื่ออายุเกิน 30 ปีขึ้นไป ทำให้เกิดภาวะไข่ตกผิดปกติ (Anovulation) เช่น ไข่ไม่สมบูรณ์, ไข่ฝ่อ หรือไข่ตกไม่สม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลต่อโอกาสการปฏิสนธิ
- มดลูกและท่อนำไข่ (Uterus and Fallopian Tubes) : หากท่อนำไข่อุดตัน หรือมดลูกมีซีสต์ เนื้องอก หรือความผิดปกติอื่น ๆ ตัวอ่อนจะไม่สามารถฝังตัวได้อย่างสมบูรณ์ การตรวจวินิจฉัยด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) หรือการฉีดสีเพื่อตรวจท่อนำไข่ (HSG) จะช่วยประเมินปัญหาเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
ปัญหาที่เกิดจากฝ่ายชาย
หลายคนอาจเข้าใจว่าปัญหาการมีลูกยาก ส่วนใหญ่จะเกิดจากฝ่ายหญิงเพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วฝ่ายชายก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพของอสุจิเป็นปัญหาที่พบบ่อยหากมีลูกยาก เช่น อสุจิเคลื่อนไหวผิดปกติ, จำนวนอสุจิน้อย หรือรูปร่างอสุจิผิดปกติ ซึ่งล้วนส่งผลต่อความสามารถในการปฏิสนธิ
การประเมินคุณภาพอสุจิทำได้โดยการตรวจอสุจิ ช่วยให้แพทย์เข้าใจสภาพของอสุจิ เพื่อกำหนดแนวทางการรักษาหรือแก้ไขปัญหาได้อย่างเหมาะสม
ภาวะมีลูกยากโดยไม่ทราบสาเหตุ
ภาวะมีลูกยากหรือมีบุตรยากโดยไม่ทราบสาเหตุ (Unexplained Infertility) พบได้ประมาณ 10% ในคู่สมรสที่เข้าข่ายภาวะมีบุตรยาก ที่ถึงแม้ว่าจะได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว แต่ไม่พบความผิดปกติใด ๆ เช่น ผลตรวจคุณภาพอสุจิอยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีความผิดปกติของมดลูก หรือภาวะโพรงมดลูกเจริญผิดที่ก็ตาม
สำหรับในกรณีนี้ แพทย์จะแนะนำให้เริ่มต้นด้วยวิธีฉีดเชื้อ (IUI) เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ หากยังไม่สำเร็จในระยะเวลาที่เหมาะสม จะพิจารณารักษาด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์อย่างเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF/ICSI ซึ่งเหมาะกับคู่รักที่มีลูกยาก หรือถ้าอายุน้อยแต่มีลูกยากก็สามารถเข้ารับการประเมินและรักษาด้วยวิธีเหล่านี้ได้
วิธีการตรวจประเมินภาวะมีบุตรยาก ก่อนวางแผนเป็นคุณพ่อคุณแม่
เมื่อคู่สมรสพบว่ามีแนวโน้มมีลูกยาก หรือวางแผนมีลูกแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ แนะนำให้เข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทาง เพื่อทำการตรวจประเมินอย่างละเอียด โดยแพทย์จะประเมินทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย ดังนี้
- การตรวจภาวะการมีบุตรยากฝ่ายหญิง
เริ่มจากการตรวจ Ultrasound ภายใน เพื่อประเมินสภาพมดลูก ผนังมดลูก และดูความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับรังไข่ เช่น ซีสต์หรือภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS) ต่อด้วยการตรวจระดับฮอร์โมนในเลือด เช่น AMH (Anti-Mullerian Hormone) ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกความสามารถในการผลิตไข่ และบอกปริมาณไข่ที่ยังหลงเหลืออยู่ในรังไข่ นอกจากนี้การตรวจฮอร์โมนยังสามารถใช้วิเคราะห์รอบเดือนและช่วยประเมินอาการไข่ตก ว่าอยู่ในช่วงใดได้
- การตรวจภาวะการมีบุตรยากฝ่ายชาย
แพทย์จะทำ Semen Analysis หรือ ‘ตรวจวิเคราะห์น้ำอสุจิ’ เพื่อดูว่าปริมาณอสุจิเพียงพอต่อการปฏิสนธิหรือไม่ รวมถึงตรวจคุณภาพการเคลื่อนไหว รูปร่าง และความแข็งแรงของอสุจิ หากพบความผิดปกติจะสามารถระบุสาเหตุของภาวะการมีบุตรยากได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ภาวะการมีบุตรยาก มีแนวทางการรักษาได้อย่างไรบ้าง
1. IUI
สำหรับผู้ที่มีลูกยากและอยากมีลูก วิธีนี้เป็นทางเลือกแรก ๆ ที่แพทย์จะแนะนำ เพราะใกล้เคียงกับการปฏิสนธิตามธรรมชาติ โดยแพทย์จะใช้วิธี Ovarian Stimulation กระตุ้นให้เซลล์ไข่มีขนาดที่เหมาะสมและเพิ่มจำนวน จากนั้นจะทำ Sperm Washing เพื่อคัดเลือกเฉพาะอสุจิที่แข็งแรง แล้วฉีดเข้าไปในโพรงมดลูกโดยตรง ช่วยเพิ่มโอกาสให้อสุจิเข้าถึงเซลล์ไข่ได้มากขึ้น โดยโอกาสประสบความสำเร็จของ IUI อยู่ที่ประมาณ 10–15% ต่อรอบการรักษา
2. IVF/ICSI เด็กหลอดแก้ว
สำหรับคนมีลูกยากที่มีปัญหาเรื้อรัง หรือใช้วิธี IUI แล้วไม่ได้ผล วิธีนี้ถือเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสูง โดยแพทย์จะฉีดยาเพื่อกระตุ้นรังไข่ (Ovarian Stimulation) เป็นเวลา 10–12 วัน แล้วเจาะเก็บเซลล์ไข่ จากนั้นจะนำมาผสมกับอสุจิภายในห้องแล็บ
หากใช้วิธี ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) จะมีการคัดเลือกอสุจิที่แข็งแรงที่สุดก่อนจะฉีดเข้าไปในไข่โดยตรงเพื่อการปฏิสนธิ หลังจากปฏิสนธิสำเร็จ แพทย์จะนำตัวอ่อนที่ได้ไปเลี้ยงต่อในห้องปฏิบัติการจนพัฒนาไปถึงระยะที่แข็งแรงสมบูรณ์ จากนั้นแพทย์จะย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูก เพื่อให้เกิดการฝังตัวและตั้งครรภ์ต่อไป โดยโอกาสสำเร็จของ IVF/ICSI อยู่ที่ประมาณ 70–80% ขึ้นอยู่กับอายุและคุณภาพของไข่
3. ฝากไข่
การฝากไข่ (Egg Freezing) คือการเก็บรักษาไข่ที่มีคุณภาพในช่วงอายุที่เหมาะสม โดยใช้กระบวนการกระตุ้นไข่และเก็บออกมาทางช่องคลอด ก่อนนำไปแช่แข็งในอุณหภูมิต่ำมาก เพื่อใช้ในการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในอนาคต เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีบุตรแต่ต้องการรักษาโอกาสการตั้งครรภ์ไว้ในอนาคต โดยไข่ที่แช่แข็งสามารถนำมาใช้ได้เมื่อพร้อมมีบุตร หรือเมื่อพร้อมมีลูกแต่มีข้อจำกัดด้านภาวะเจริญพันธุ์
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับปัญหาการมีลูกยาก
ผนังมดลูกหนา มีลูกยากจริงไหม?
เป็นความจริง เนื่องจากความหนาของผนังมดลูกที่เหมาะสมกับการฝังตัวของตัวอ่อนจะอยู่ที่ประมาณ 8–10 มิลลิเมตร หากหนาหรือน้อยกว่านี้อาจทำให้มีลูกยากได้ รวมถึงบางรายอาจพบภาวะพังผืดมดลูก ซึ่งส่งผลต่อการฝังตัวและการเจริญเติบโตของตัวอ่อน จึงควรพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม
ช่องคลอดเป็นกรดจะทำให้มีลูกยากหรือไม่?
ช่องคลอดเป็นกรดอาจทำให้มีลูกยาก เนื่องจากมีความผิดปกติของช่องคลอด จึงควรตรวจ Thin Prep เพื่อประเมินความผิดปกติของเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูกก่อนวางแผนตั้งครรภ์
กินยาคุมนานทำให้เกิดปัญหามีลูกยากจริงไหม?
ไม่เป็นความจริง การกินยาคุมกำเนิดต่อเนื่องเป็นเวลานานไม่ได้ทำให้มีลูกยาก เพราะหลังหยุดยาร่างกายจะกลับมาทำงานตามธรรมชาติในระยะเวลาไม่นาน
ไทรอยด์ทำให้มีลูกยากไหม?
ไทรอยด์อาจเป็นสาเหตุของการมีลูกยากได้ เนื่องจากภาวะผิดปกติของต่อมไทรอยด์ส่งผลต่อการตั้งครรภ์ จึงควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางทั้งด้านไทรอยด์และมีบุตรยากอย่างใกล้ชิด และไม่ควรหยุดยาหรือรักษาด้วยตัวเอง
ฮอร์โมนเพศชายเยอะ เป็นสาเหตุของการมีลูกยากหรือไม่?
เป็นความจริง การมีฮอร์โมนเพศชายมากเกินไปส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้มีลูกยาก เนื่องจากฮอร์โมนหลายชนิดมีความสำคัญในการมีบุตร
อายุเท่าไรควรไปตรวจภาวะผู้มีบุตรยาก?
แนะนำให้คู่สมรสที่อายุเกิน 35 ปี หรือพยายามตั้งครรภ์เกิน 1 ปีแล้วยังไม่สำเร็จ ควรเข้ารับการตรวจภาวะการมีบุตรยาก เพื่อหาสาเหตุและวางแผนรักษาอย่างเหมาะสม
ภาวะมีบุตรยากถือว่าเป็นกรรมพันธุ์หรือไม่?
ภาวะการมีบุตรยากอาจเกิดจากกรรมพันธุ์ได้ในบางกรณี แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะถ่ายทอดภาวะนี้ไปยังลูกหลาน ขึ้นอยู่กับสาเหตุและยีนที่เกี่ยวข้อง
เปลี่ยนภาวะ “มีลูกยาก” ให้เป็น “มีลูกได้” ด้วยการวางแผนที่ใช่สำหรับคุณ
เมื่อเข้าใจถึงสาเหตุและเข้ารับการตรวจประเมินภาวะมีลูกยาก จะกลายเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับคู่สมรสที่อยากมีลูกในการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนวางแผนตั้งครรภ์ หากพบว่ากำลังเผชิญภาวะนี้จะได้รับคำแนะนำและแนวทางรักษาที่เหมาะสมอย่างทันท่วงที เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ให้สำเร็จได้มากขึ้น
หากท่านใดสงสัยว่าอาจมีภาวะมีลูกยาก หรือต้องการวางแผนการตั้งครรภ์อย่างเหมาะสม ที่ Beyond IVF เรามีบริการดูแลการวางแผนตั้งครรภ์ทุกขั้นตอน โดยทีมแพทย์ที่พร้อมให้คำแนะนำแผนในอนาคตให้เหมาะสมกับความต้องการของท่านมากที่สุด