Skip to content

ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด มีลูกได้ไหม? อาการ สาเหตุ วิธีการรักษา


01 เมษายน 2025
บทความ

ในปัจจุบันภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด มักเกิดขึ้นกับผู้หญิงหลายๆซึ่งไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่มีอายุเข้าเลข 3 แต่กลับพบในผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่านั้นอีกด้วย เนื่องจากในปัจจุบันผู้หญิงมีวิถีในการดำเนิดชีวิตที่เปลี่ยนไป ทำงานหนักมากขึ้นส่งผลให้เกิดความเครียด เมื่องานเยอะขึ้นทำให้พักผ่อนน้อยขึ้นพักผ่อนไม่เพียงพอ ทานอาหารไม่ตรงเวลา ทำให้ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย

ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนดคืออะไร เกิดมาจากสาเหตุอะไร อาการที่บ่งบอกว่ากำลังเข้าสู่ภาวนี้มีอะไรบ้าง และมีวิธีรักษาอย่างไร

ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด (Premature Ovarian Failure)

ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด (Premature Ovarian Failure) คือ ภาวะที่รังไข่หยุดทำงานก่อนวัยอันควร ทั้งที่ปกติแล้วรังไข่ควรจะหยุดทำงานเมื่ออายุเข้า 45-55 ปี เมื่อรังไข่เสื่อมก่อนกำหนดเท่ากับว่า รังไข่จะไม่ตอบสนองต่อการทำงานของฮอร์โมน Folliclular Stimulating Hormone (FSH) จากต่อมใต้สมองที่เป็นฮอร์โมนควบคุมให้รังไข่ทำงาน

ซึ่งเมื่อฮอร์โมน FSH ไม่ทำงาน จะส่งผลให้มีอาการหงุดหงิด ปวดเมื่อยไม่มีแรง อารมณ์แปรปรวน ผิวแห้ง กระดูกพรุน เหงื่อออกตอนกลางคืน เหมือนกับผู้หญิงที่อยู่ในช่วงวัยหมดประจำเดือน

รังไข่เสื่อมก่อนวัยเกิดจากสาเหตุใด

1. ความผิดปกติของโครโมโซม

ความผิดปกติทางโครโมโซมที่พบบ่อยมากที่สุดคือ Turner Syndrome ซึ่งจะมีการพัฒนาของรังไข่เป็นปกติ ขณะเป็นทารกในครรภ์ แต่จะมีการฝ่อของฟองไข่อย่างรวดเร็ว ซึ่งบางรายเริ่มมีการเสื่อมของฟองไข่หรือถูกทำลายตั้งแต่ในช่วงที่เป็นทารกเลย หรือในช่วงวัยเด็ก ทำให้หยุดทำงานเร็วกว่าคนทั่วไป

2. ภูมิคุ้มกันของตนเอง

สาเหตุที่มาจากภูมิคุ้มกันของตัวเอง ได้แก่ โรคพุ่มพวง (SLE) โรคภูมิต้านทานตนเองของต่อมไทรอยด์ (Autoimmune Thyroid Disorder) โรคพาราไทรอยด์ บางรายถ้าได้รับการรักษาการทำงานของรังไข่อาจจะกลับมาทำงานปกติได้อีก

3. สาเหตุจากการผ่าตัด

หลังจากการผ่าตัด พบว่าการผ่าตัดบริเวณรังไข่บางครั้ง อาจทำให้ปริมาณฟองไข่ลดลงจากการบาดเจ็บหรือตัดเอาเนื้อรังไข่ออกไป อาจจะมีการรบกวนเส้นเลือดที่คอยมาเลี้ยงรังไข่ทำให้เนื้อรังไข่ขาดเลือดและไม่ทำงาน

4. การอักเสบติดเชื้อ

การติดเชื้อ เช่น คางทูม วัณโรค มาเลเรีย พบได้น้อยมาก แต่ก็มีรายงานการเกิดภาวะรังไข่หยุดทำงานก่อนวัยอันควรได้ ส่วนใหญ่เมื่อรักษาจนหายจากการติดเชื้อ รังไข่ก็มักจะกลับมาทำงานได้ปกติ

5. การให้เคมีบำบัด

การให้เคมีบำบัดหรือการได้รับรังสีจากการฉายแสงรักษา หากได้รับรังสีในปริมาณที่มากหลาย ๆ ครั้ง หรือได้รับยาเคมีบำบัดปริมาณมาก ก็จะมีผลทำลายเนื้อเยื่อของรังไข่ได้ ส่งผลให้รังไข่หยุดทำงาน

6. พฤติกรรมเสี่ยง

ปัจจัยจากสิ่งแวดล้อม เช่น การดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นการทำงานที่หนักขึ้น พักผ่อนน้อยลง ส่งผลให้เกิดความเครียดสะสม รวมไปถึงการสูบบุหรี่ จะทำให้การสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ยาฆ่าแมลง และโลหะหนักบางชนิด อาจจะเป็นพิษต่อเซลล์เนื้อเยื่อรังไข่ได้เช่นกัน


อาการสัญญาณเตือนรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด

อาการที่ส่งสัญญาณเตือนภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด มีดังนี้

  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ มาบ้างขาดบ้าง บางทีก็ทิ้งช่วงนานกว่าปกติ
  • มีภาวะมีบุตรยาก
  • มีอาการร้อนวูบวาบ
  • เหงื่อออกตอนกลางคืน
  • ช่องคลอดแห้ง
  • กระสับกระส่ายหรือสมาธิสั้น
  • มีความต้องการทางเพศลดลง
  • ผิวแห้งง่าย
  • ผมร่วง
  • นอนหลับยาก

ใครบ้างที่เสี่ยงภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด

ผู้ที่เสี่ยงภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด ได้แก่

  • กลุ่มผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 35 และ 40 ปี
  • คนในครอบครอบครัวมีประวัติภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด
  • การผ่าตัดรังไข่หลายครั้ง จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นรังไข่เสื่อมก่อนกำหนดได้
  • เคยผ่านการได้รับยาเคมีบำบัด เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็ง

การวินิจฉัยภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด

1. การซักประวัติ

แพทย์จะซักประวัติเบื่องต้น เช่น มีคนในครอบครัวมีประวัติการเป็นภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนดหรือไม่ ประจำเดือนมาครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ประจำเดือนไม่มานานสุดกี่เดือน หากประจำเดือนขาดไปนานกว่า 1 ปี จะส่งผลให้มีอาการร้อนวูบวาบตามตัวและมีอารมณ์หงุดหงิดง่าย

2. การตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน

ตรวจเลือดเพื่อหาระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของรังไข่ที่เรียกว่า ฮอร์โมน FSH (Follicular stimulating hormone) จะเป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยภาวะนี้ หากมีค่าสูงแสดงว่ารังไข่ไม่ทำงานแล้ว (FSH 10-20 mIU/ml คือ ภาวะเสี่ยงวัยทองก่อนวัยอันควร) ตรวจระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน จะพบมีระดับต่ำ

3. การตรวจอัลตร้าซาวด์

ในการอัลตราซาวด์แพทย์อาจจะใช้เพื่อดูไข่ตั้งต้น หากไม่พบไข่ตั้งต้นเลยแพทย์จะวินิจฉัยว่าเป็น ภาวะรังไข่หยุดทำงานก่อนวัยอันควร ทั้งนี้วิธีที่จะตรวจได้ผลชัดเจนที่สุดจะเป็นวิธีการตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย

1. ภาวะมีบุตรยาก

ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย จะถือว่าเป็นผู้มีบุตรยากในทันที เนื่องจากรังไข่หยุดทำงานจึงทำให้ไม่เกิดการตกไข่ หรืออาจจะมีการตกไข่บ้างในบางรอบเดือน สำหรับผู้ที่อยากมีลูกอาจจะต้องใช้ยาในการช่วยกระตุ้นไข่ หรือฮอร์โมนโกนาโดโทรปิน (Gonadotropin) ช่วยทำให้มีการเจริญเติบโตของไข่ และใช้วิธีการทำเด็กหลอดแก้วเข้ามาช่วย

2. โรคกระดูกพรุน

เมื่อรังไข่ไม่ทำงานร่างกายก็จะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งฮอร์โมนนี้จะมีผลต่อการเจริญและความแข็งแรงกระดูก การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงทำให้เกิดโรคกระดูกบางและโรคกระดูกพรุนซึ่งเสี่ยงต่อกระดูกหักง่ายมากยิ่งขึ้น


การรักษาภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย

1. การใช้ฮอร์โมนทดแทน

การรักษาด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน สามารถช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนและบรรเทาอาการร้อนวูบวาบได้ โดยแพทย์มักให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนร่วมกับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนโดยเฉพาะในกรณีที่ยังมีมดลูกอยู่ การเพิ่มฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะช่วยปกป้องเยื่อบุมดลูกจากการเปลี่ยนแปลงก่อนเป็นมะเร็งซึ่งเกิดจากการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนเพียงอย่างเดียว

2. การทานอาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดี

อาหารเสริมแคลเซียมและวิตามินดี มีความสำคัญสำหรับการป้องกันโรคกระดูกพรุน แพทย์อาจแนะนำให้ทำการทดสอบความหนาแน่นของกระดูกก่อนเริ่มรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ได้ค่าความหนาแน่นของกระดูกเพื่อเป็นบรรทัดฐาน

3. การรักษาภาวะมีบุตรยากจากปัญหารังไข่เสื่อมก่อนวัย

การรักษาเกี่ยวกับปัญหาการมีบุตร ผู้ป่วยที่รังไข่หยุดทำงานก่อนวัยอันควร อาจจะมีเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นที่สามารถมีการตกไข่เองในบางรอบเดือน และตั้งครรภ์ได้ หรืออาจจะลองใช้ยาช่วยกระตุ้นไข่ หรือฮอร์โมนโกนาโดโทรปิน (Gonadotropin) ช่วยทำให้มีการเจริญเติบโตของไข่ และตกไข่ได้ ถ้าไม่สามารถกระตุ้นไข่ ก็อาจจะใช้ไข่บริจาคร่วมกับการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เพื่อช่วยในการมีบุตรได้


แนวทางการดูแลตัวเองเมื่อมีภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย

แนวทางการดูแลตัวเองสำหรับผู้ที่มีภาวะรังไข่เสื่อมก่อนวัย มีดังนี้

  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงมีความพร้อม
  • รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
  • ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินมาตรฐาน
  • งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์
  • งดสูบบุหรี่
  • สิ่งสำคัญที่สุดคือการพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจความพร้อมของร่างกาย และปรึกษาถึงแนวทางที่จะนำไปสู่การตั้งครรภ์ที่ปลอดภัยได้
  • เข้าคลินิกวัยทอง เพื่อรับการรักษา และรับฮอร์โมนเพศหญิงในขนาดต่ำๆ มาทานเพื่อช่วยลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขาดฮอร์โมนเป็นต้น

สำหรับวิธีการเบื้องต้น อาจจะไม่ได้ช่วยฟื้นฟูรังไข่ได้เต็มร้อย แต่ก็ช่วยให้รังไข่นั้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดโอกาสมีลูกยากได้ด้วย

วิธีป้องกันภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด มีดังนี้

  • ในกรณีที่เป็นผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรักษาตัวจากการฉายรังสีหรือเคมีบำบัด หากต้องการรักษายืดอายุไข่เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์ หมอแนะนำให้คุณใช้เทคโนโลยี “การฝากไข่” เพื่อป้องกันไข่ถูกทำลายจากรังสี
  • การลดพฤติกรรมเสี่ยงที่ทำลายไข่ เช่น การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่
  • การทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ไม่ทานอาหารสำเร็จรูป อาหารที่มีไขมันสูง ฟาสต์ฟู้ด
  • ปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำเพื่อวางแผนการตั้งครรภ์


ข้อสรุป

ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด คือ ภาวะที่รังไข่หยุดทำงานก่อนวัยอันควร ซึ่งอาจจะเกิดกับผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปีก็ได้ ซึ่งสาเหตุของการเกิดภาวะนี้ เช่น ในครอบครัวมีประวัติการเป็นภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด จะทำให้ลูกหลานที่เป็นผู้หญิงก็มีสิทธิ์เกิดภาวะนี้ได้ อาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเข้าสู่ภาวะนี้ คือ รู้สึกร้อนวูบวาบตาม หงุดหงิดง่าย เนื่องจากฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไป

การรักษาภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด แพทย์จะแนะนำให้ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทน เพื่อช่วยลดอาการร้อนวูบวาบตามตัว ป้องกันโรคกระดูกพรุน และจะให้ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเพื่อปกป้องเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งหากใครกำลังกังวลว่าตนเองจะเข้าสู่ภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนดสามารถเข้าพบแพทย์เพื่อขอคำปรึกษาและตรวจร่างกายได้

ที่ Beyond IVF ของเราก็มีบริการให้คำปรึกษาครบวงจรเกี่ยวกับเรื่องการดูแลสุขภาพของผู้หญิง รวมถึงตรวจเกี่ยวกับภาวะรังไข่เสื่อมก่อนกำหนด หากท่านใดมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line : @beyondivf

เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

มีลูกยาก คืออะไร? รักษาได้อย่างไร? หาคำตอบจากแพทย์ได้ที่นี่

Read the story
บทความ

ฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) คืออะไร? เรื่องน่ารู้เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก

Read the story
บทความ

Infertility: Causes, Symptoms, Tests, and Treatments

Read the story
บทความ

เด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร? ต่างกับ อิ๊กซี่ ICSI ไหม ต้องรู้อะไรอีกบ้างก่อนทำ

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ