Skip to content

ทํากิ๊ฟ (GIFT) คืออะไร มีขั้นตอนอย่างไร ต่างกับเด็กหลอดแก้วอย่างไร


31 มีนาคม 2025
บทความ

ในอดีตการรักษามีบุตรยากเรียกว่า การทำกิ๊ฟท์หรือทำกิ๊ฟ (GIFT) ซึ่งถือว่าเป็นวิธีที่มีการพัฒนามากที่สุด ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนามาเป็นการรักษาด้วยวิธีเด็กหลอดแก้ว IVF ICSI ซึ่งการทำกิ๊ฟท์กับการทำเด็กหลอดแก้วมีขั้นตอนที่ไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด หลายๆคนอาจสงสัยว่าการทำกิ๊ฟท์ มีขั้นตอนอย่างไร วิธีไหนมีโอกาสสำเร็จมากกว่ากัน หรือมีความต่างกันอย่างไร

ทํากิ๊ฟท์ (GIFT) คืออะไร

การทำกิ๊ฟท์ GIFT (gamete-intrafallopian-transfer) คือ การวางยาสลบคนไข้และผ่าตัดหน้าท้อง 3 รู นำเอาไข่และตัวอสุจิกลับไปใส่ไว้ที่ท่อนำไข่ เพื่อให้เกิดการปฏิสนธิกันตามธรรมชาติ เมื่อปฏิสนธิกันเรียบร้อยแล้วก็จะเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนและเดินทางมาฝังตัวในโพรงมดลูก และเกิดเป็นการตั้งครรภ์ในที่สุด

การทํากิ๊ฟท์มีขั้นตอนวิธีการทำอย่างไร

  • เริ่มด้วยการให้ยากระตุ้นไข่ อาจจะเป็นการรับประทาน ฉีด หรือพ่นเข้าจมูก และอื่น ๆ โดยแพทย์จะพิจารณาเป็นรายบุคคล ส่วนมากจะใช้เวลาในการกระตุ้นนาน 7-10 วัน
  • อัลตร้าซาวด์ตรวจดูการตอบสนองของรังไข่ เมื่อได้ไข่ที่มีขนาดตรงตามที่ต้องการและมีจำนวนมากพอแล้ว รวมถึงมีฮอร์โมนเพิ่มขึ้นในระดับที่เหมาะสม แพทย์จะทำการกระตุ้นให้ไข่ตก
  • หลังจากกระตุ้นให้ไข่ตก 34-36 ชั่วโมง ก็จะทำการเจาะไข่ โดยใช้เข็มเจาะถุงไข่แล้วดูดเอาไข่ภายในถุงออกมา นิยมทำได้ 2 วิธี คือ
  1. เจาะผ่านทางผนังหน้าท้อง โดยใช้กล้องตรวจบริเวณช่องท้องซึ่งสามารถเห็นรังไข่ได้ชัดเจน แล้วจึงใช้เข็มเจาะดูดไข่ออกมาโดยตรง
  2. เจาะผ่านผนังช่องคลอด โดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ที่มีเข็มเจาะดูดไข่ติดอยู่ที่หัวตรวจ และดูดไข่ออกมาผ่านทางช่องคลอด

* แต่ทั้ง 2 วิธีนี้จะทำการรักษาโดยการผ่าที่หน้าท้อง และเจาะรูเพื่อนำเครื่องมือเข้าไปเจาะหรือดูดไข่ รวมถึงการนำไข่กับอสุจิใส่กลับเข้าไปที่ท่อนำไข่ ทั้งหมดนี้จะเป็นการทำผ่านการผ่าที่หน้าท้องทั้งหมด

  • การย้ายเซลล์ไข่และอสุจิเข้าสู่ท่อนำไข่ ที่ปัจจุบันมักใช้การส่องกล้องทางหน้าท้อง (Laparoscopy) โดยไข่ที่ถูกเลือกไว้จะถูกดูดเข้ามาในสายยางที่ใช้สำหรับย้ายเซลล์สืบพันธุ์เข้าไปไว้ในบริเวณของท่อนำไข่ พร้อมกับเชื้ออสุจิ เพื่อให้เกิดการการปฏิสนธิกันตามธรรมชาติ
  • แพทย์จะให้ฮอร์โมนที่ช่วยในการฝังตัวของตัวอ่อน หลังจากนั้นจะทดสอบการตั้งครรภ์ โดยการตรวจระดับฮอร์โมน hCG โดยตรวจได้ในกระแสเลือดประมาณ 12 วันหลังจากใส่ตัวอ่อน

ใครบ้างที่เหมาะสำหรับการทำกิ๊ฟท์

  • ผู้หญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ แต่จำเป็นต้องมีท่อรังไข่ที่ปกติอย่างน้อย 1 ข้าง
  • ผู้หญิงมีปัญหาเกี่ยวกับการตกไข่ ไข่ไม่ตก ไม่มีการผลิตไข่
  • ผู้หญิงมีปัญหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์
  • ผู้ชายมีจำนวนอสุจิน้อยหรืออสุจิไม่แข็งแรง
  • สามีภรรยาที่มีลูกยากโดยไม่ทราบสาเหตุ


การทำกิ๊ฟท์ต่างกับเด็กหลอดแก้วอย่างไร

เมื่อมีข้อมูลทั้งหมดแล้วคนไข้ส่วนมากจะสงสัยว่า ทํากิ๊ฟ กับ หลอดแก้ว ต่างกันยังไง การทำกิ๊ฟท์เป็นวิธีเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์โดยการผ่าที่หน้าท้องเพื่อนำอสุจิและไข่ใส่ไว้ที่ท่อนำไข่ และให้เกิดการปฏิสนธิภายกันตามธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันไม่นิยมทำกันแล้ว

แต่ในส่วนของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) และ การทำอิ๊กซี่ (ICSI) เป็นกระบวนการของการรักษาในปัจจุบันที่พัฒนากว่าโดยที่ไม่ต้องเจาะหรือผ่าที่หน้าท้อง แต่จะใช้เครื่องมือที่ทันสมัยในการดูดไข่ผ่านทางช่องคลอดไม่ต้องมีการผ่าหน้าท้อง นำไข่กับอสุจิผสมกันภายนอกร่างกายในห้องปฏิบัติการ

แล้วจะเลี้ยงตัวอ่อนจนถึงระยะ Blastocyst หรือตัวอ่อนระยะ 5 วัน ก่อนที่จะย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์ โดยการรักษาแบบเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น


หากไม่เหมาะกำการทำกิ๊ฟ มีทางเลือกอะไรอีกบ้าง

วิธีนี้ใกล้เคียงกับการมีเพศสัมพันธ์ตามธรรมชาติเพียงแต่แพทย์จะจ่ายยาเพื่อให้เซลล์ไข่มีขนาดที่ใหญ่และจำนวนที่มากขึ้น รวมถึงมีการคัดเชื้ออสุจิเอาเฉพาะที่แข็งแรง ฉีดกลับเข้าสู่โพรงมดลูกของฝ่ายหญิงเพิ่มโอกาสให้อสุจิว่ายเข้าใกล้เซลล์ไข่มากขึ้น

โอกาสสำเร็จในวิธีนี้คือ 10-15%

2. เด็กหลอดแก้ว IVF

เป็นวิธีที่พัฒนามาจากการทำกิ๊ฟท์สมัยก่อน แต่มีโอกาสสำเร็จมากกว่าแถมไม่ต้องผ่าหน้าท้อง โดยการฉีดยาเพื่อกระตุ้นเซลล์ไข่เป็นเวลา 10-12 วัน แล้วเจาะเอาเซลล์ไข่ออกมาปฏิสนธิกับอสุจิภายในห้องแล็บ เลี้ยงจนเป็นตัวอ่อนและย้ายกลับเข้าโพรงมดลูกของฝ่ายหญฺงเจริญเติบโตในครรภ์ต่อไป

โอกาสสำเร็จในวิธีนี้คือ 70-80%

ทํากิ๊ฟ ราคาเท่าไหร่

หากพูดถึงราคาการทำกิ๊ฟในปัจจุบันจะค่อนข้างหายาก หากย้อนไปสมัยก่อนจะมีราคา 3-4 แสนบาทซึ่งเมื่อเทียบกับค่าเงินในสมัยก่อนแล้วถือว่าเป็นหัตถการการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูง มีราคาที่แพงมากโดยมีอัตราความสำเร็จที่ต่ำ และเหตุผลนี้เองในปัจจุบันจึงไม่นิยมรักษามีบุตรยากด้วยวิธีนี้อีกต่อไป เพียงแต่คนไทยยังนิยมใช้คำว่า ทำกิ๊ฟ หรือยังมีการหาข้อมูลเกี่ยวกับการทํากิ๊ฟ ราคาเท่าไหร่เช่นกัน

Q&A รวมคำถามที่คนสงสัยเกี่ยวกับการทำกิ๊ฟท์

ทํากิ๊ฟท์หญิงหญิงทำได้หรือไม่

ในประเทศไทยในปัจจุบันยังไม่สามารถทำได้ด้วยข้อกไหนดทางกฏหมาย เพราะการทำกิ๊ฟท์หรือเด็กหลอดแก้วนั่นจำเป็นต้องมีเอกสารใบทะเบียนสมรสประกอบด้วย ซึ่งประเทศไทยยังไม่อนุญาตให้เพศเดียวกันจดทะเบียนสมรสได้ ดังนั้นตามกฏหมายไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิงผู้หญิง หรือ ผู้ชายผู้ชาย ยังไม่สามารถทำกิ๊ฟท์หรือเด็กหลอดแก้วได้

ทํากิ๊ฟท์ไม่มีสามีทำได้ไหม

การทํากิ๊ฟแบบไม่มีสามีในประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้เพราะกฏหมายอนุญาตให้ทำได้เฉพาะคู่สามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเท่านั้น แต่ในกรณีของการทำกิ๊ฟท์หรือเด็กหลอดแก้วในบางประเทศนั้นก็หากสามารถทำได้ จะมีขั้นตอนการทำเหมือนการทำ IVF ปกติเลยแต่จะเพิ่มเติมตรงที่ตัวเสปิร์มจะมีการไปนำมาจาก Sperm Bank หรือที่เรียกว่าธนาคารสเปิร์ม โดยที่เราจะไม่รู้ตัวตนของเจ้าของสเปิร์มเลย และก็มีการเริ่มกระตุ้นไข่และทำตามขั้นตอนของ IVF เลย ในอนาคตเมื่อกฏหมายในการเปลี่ยนแปลงเราอาจจะได้เห็นการทํากิ๊ฟ การรักษามีบุตรยากแบบอื่นๆ โดยไม่มีสามีได้

ทํากิ๊ฟ ราคา ต่างกับการทำ ICSI ไหม

เนื่องจากในอดีตสถานที่รักษามีบุตรยากยังมีข้อจำกัดที่ค่อนข้างมาก ในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่แห่ง ทำให้การรักษามีบุตรยากด้วยวิธีการทำกิ๊ฟท์ ที่ต้องผ่าตัดหน้าท้องจะเกิดขึ้นเพียงแค่สถานพยาบาลที่มีอุปกรณ์ที่พร้อมเท่านั้น คนไข้ที่รับการรักษาจึงต้องยอมจ่ายด้วยราคาที่สูง ประมาณ 500,000 บาทขึ้นไป

แต่ ณ ขณะนั้นก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีสุด จนมาถึงปัจจุบันการรักษาผู้มีบุตรยากถูกพัฒนาไปไกลจนกลายเป็นเด็กหลอดแก้วที่มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น ราคาการรักษาในปัจจุบันก็ยังถือว่ามีราคาที่ค่อนข้างสูงด้วยต้นทุนทางการแพทย์และเทคโนโลยี แต่ถ้าหากเทียบแล้วการรักษารูปแบบนี้จะมีราคาที่ถูกกว่าการทำกิ๊ฟท์เป็นอย่างมาก เริ่มต้นเพียง 100,000-200,000 เท่านั้น ทั้งยังมีโอกาสสำเร็จและความปลอดภัยที่มากกว่า


ทํากิ๊ฟลูกแฝด ราคาเท่าไหร่

การทํากิ๊ฟท์แล้วอยากได้ลูกแฝดมีราคาเท่าไหร่ ปกติการรักษามีบุตรในแต่ละวิธีสามารถมีโอกาสเกิดแฝดได้ทั้งตั้งใจและโดยธรรมชาติ ส่วนหากพูโถึงเรื่องในค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปจะไม่มีการเก็บคนไข้เพิ่มเพราะไม่สามารถรับประกันการทำให้เกิดลูกแฝดได้เพื่อลดความคาดหวังของคนไข้ลง


เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

มีลูกยาก คืออะไร? รักษาได้อย่างไร? หาคำตอบจากแพทย์ได้ที่นี่

Read the story
บทความ

ฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) คืออะไร? เรื่องน่ารู้เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก

Read the story
บทความ

Infertility: Causes, Symptoms, Tests, and Treatments

Read the story
บทความ

เด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร? ต่างกับ อิ๊กซี่ ICSI ไหม ต้องรู้อะไรอีกบ้างก่อนทำ

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ