Skip to content

ปากมดลูกตีบมีสาเหตุมาจากอะไร แนวทางรักษาและป้องกัน


31 มีนาคม 2025
บทความ

ภาวะปากมดลูกตีบอาจฟังดูน่ากลัว ทำให้หลายคนจินตนาการเกิดความสงสัยและวิตกกังวลว่าหากมีภาวะปากมดลูกตีบเกิดขึ้นกับตนเอง นั้นยังจะสามารถมีบุตรได้หรือไม่และระดับความรุนแรงของอาการมีมากน้อยแค่ไหน จำเป็นถึงขั้นต้องตัดมดลูกทิ้งเลยหรือไม่ วันนี้เราจะมาไขปัญหาถึงสาเหตุและอาการของภาวะปากมดลูกตีบรวมถึงแนวทางในการรักษาและป้องกันให้ทราบค่ะ


ปากมดลูกตีบ (Cervical Stenosis)

ปากมดลูกตีบเกิดจากความผิดปกติบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ของผู้หญิง โดยปากมดลูกจะมีลักษณะตีบหรือแคบลงปิดกั้นของเหลวหรือสารคัดหลั่งที่จะใหลออกมาในบริเวณนี้ จึงทำให้สารคัดหลั่งเหล่านี้ยังคงตกค้างอยู่ในบริเวณโพรงมดลูกได้ คนไข้ที่ประสบปัญหาเหล่านี้อาจไม่พบอาการผิดปกติ หรือในคนไข้บางรายอาจพบอาการปวดที่มีความรุนแรงได้ เช่นกัน


อาการปากมดลูกตีบ

ความรุนแรงของอาการนั้นมักจะขึ้นอยู่กับว่าปากมดลูกนั้นมีลักษาณะที่ตีบมากน้อยแค่ไหน อาการที่สามาถพบได้มีดังนี้

  • ไม่มีประจำเดือนหรือประจำเดือนมาน้อยผิดปกติ
  • ปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • มีอาการอักเสบบริเวณโพรงมดลูก มีไข้
  • คลำพบบางสิ่งคล้ายก้อนเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกราน
  • ปวดท้องประจำเดือน
  • มีบุตรยาก เกิดจากการที่อสุจิไม่สามารถเดินทางเข้าไปเจอไข่เพื่อปฏิสนธิได้


ปากมดลูกตีบเกิดจากสาเหตุใด

สาเหตุการเกิดภาวะปากมดลูกตีบ สามารถแบ่งออกได้จาก 2 ปัจจัยหลัก ดังต่อไปนี้

ปากมดลูกตีบแต่กำเนิด

ปากมดลูกตีบแต่กำเนิดเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับพัฒนาการบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ุของฝ่ายหญิง ที่จะเปลี่ยนแปลงไป โดยจะพัฒนาเฉพาะบริเวณมดลูกแต่บริเวณปากมดลูกไม่มีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปด้วย

ปากมดลูกตีบจากสาเหตุอื่นๆ

หากไม่ใช่การตีบตันแต่ำเนิด ปากมดลูกสามารถเกิดการตีบตันได้จากหลายสาเหตุอีกหลายปัจจัยดังต่อไปนี้

  • เกิดการอักเสบบริเวณโพรงมดลูกหรือปากมดลูก ทำให้เกิดผังผืดยึดเกาะที่บริเวณปากมดลูกจนเกิดการตีบตัน
  • เกิดจากการเจริญเติบโตของเนื้อเยื้อที่ผิดปกติจนอุดตันบริเวณคอมดลูก กลายเป็นมะเร็งปากมดลูก
  • การฉายแสงรักษามะเร็งปากมดลูก เป็นสาเหตุที่ทำให้บริเวณปากมดลูกเกิดการตีบตันได้
  • ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลทำให้รูปากมดลูกมีความยืดหยุ่นน้อยและมักจะตีบแคบลง
  • การฉีกขาดของเนื้อเยื้อบริเวณปากมดลูกจากการทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น การส่องกล้องโพรงมดลูก การขูดมดลูก

ปากมดลูกตีบกับภาวะมีบุตรยาก

คนไข้ที่ตรวจพบว่าบริเวณปากมดลูกนั้นมีการตีบตัน ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะประสบปัญหากับการมีบุตรยากตามมาด้วย เนื่องจากอสุจิไม่สามารถเดินทางเคลื่อนที่ไปเจอกับไข่ได้ที่บริเวณปลายท่อนำไข่ได้ แต่ในปัจจุบันคนไข้ที่มีภาวะปากมดลูกตีบตันสามารถรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยการพึ่งเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ได้ด้วยการทำเด็กหลอดแก้ว โดยแบ่งเป็นการทำ IVF หรือ ICSI ในการรักษา

  • IVF คือ การคัดเซลล์สืบพันธ์ุจากฝ่ายชายและฝ่ายหญิงออกมาผสมกันบนจานทดลองในห้องแล็บให้เกิดการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อน ก่อนจะนำตัวอ่อนย้ายกลับเข้าไปยังโพรงมดลูกของฝ่ายหญิงให้เกิดการตั้งครรภ์ตามปกติ
  • ICSI คือ การคัดเซลล์สืบพันธ์ุของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงออกมาผสมเทียม นั้นจะคล้ายกับการทำ IVF แต่จะแตกต่างกันเล็กน้อยโดยการนำเทคโนโลยีเครื่องICSI มาใช้ ด้วยการใช้เข็มเก็บเซลล์อสุจิแล้วเจาะเข้าเซลล์ไข่โดยตรง ให้เกิดการปฏิสนธิแบบเจาะจง ก่อนจะเลี้ยงตัวอ่อนให้ได้ในระยะบลาสโตซิสต์ (ระยะที่ตัวอ่อนสมบูรณ์ที่สุด) ก่อนนำย้ายกลับเข้าสู่โพรงมดลูกให้เกิดการตั้งครรภ์ต่อไป

การวินิจฉัยภาวะปากมดลูกตีบ

การวินิจฉัยภาวะปากมดลูกตีบ

การวินิจฉัยว่าคนไข้มีอาการปากมดลูกตีบตันหรือไม่นั้น คุณหมอจะทำการตรวจในบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกราน เพื่อทดสอบและเเยกเซลล์มะเร็ง โดยวินิจฉัยตามอาการดังต่อไปนี้

  1. แพทย์ทำการซักประวัติคนไข้ เช่น
    • คนไข้มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังหรือไม่
    • ปวดท้องประจำเดือนหรือพบอาการขาดประจำเดือนหรือไม่
    • เคยมีประวัติหัตถการที่บริเวณปากมดลูกมาก่อนหรือไม่ เช่น การขูดมดลูก การฉายแสงหรือรังสี
    • คลำพบก้อนเนื้อบริเวณมดลูกหรือไม่
  2. แพทย์นำคนไข้ตรวจร่างกาย ตรวจภายในว่าปากมดลูกมีรูปร่างผิดปกติหรือไม่ หรือคลำพบก้อนบริเวณท้องน้อย
  3. ส่งตรวจชิ้นเนื้อบริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก เพื่อแยกแยะเซลล์มะเร็ง โดยการตรวจ Pap หรือ HPV


การรักษาภาวะปากมดลูกตีบ

รูปแบบการรักษาจะแตกต่างกันออกไป โดยแพทย์จะพิจารณาจากสาเหตุ ระดับความรุนแรงของอาการ รวมถึงลักษณะการตีบของปากมดลูก

การถ่างขยายรูเพื่อเปิดปากมดลูก

ใช้ในกรณีที่คนไข้มีภาวะมดลูกตีบตั้งแต่กำเนิดหรือที่ไม่ได้มาจากสาเหตุเฉพาะอื่นๆ โดยการสอดแท่งโลหะเข้าไปบริเวณโพรงมดลูก จากนั้นใส่ตัวขยายเข้าไปเพื่อทำให้ปากมดลูกค่อยๆขยายและเปิดออก

การเลเซอร์

กรณีที่มีผังผืดปิดกั้นบริเวณปากมดลูกอยู่ แพทย์จะทำการรักษาโดยการใช้เครื่องเลเซอร์หรือไฟฟ้าในการจี้และตัดบริเวณผังผืดส่วนที่ปิดกั้นหรืออุดตันอยู่นั้นออกไป

ตัดมดลูก

หากแพทย์ประเมินว่าการตีบตันบริเวณปากมดลูกนั้นมีระดับที่รุนแรง สร้างความเจ็บปวด และไม่สามารถที่จะใช้เครื่องในการถ่างขยายบริเวณปากมดลูกได้ แพทย์จะพิจารณาร่วมกับคนไข้ว่าอาจจะต้องมีการตัดมดลูกทิ้ง


แนวทางดูแลตัวเองเมื่อพบอาการปากมดลูกตีบ

หากพบว่าตนเองมีอาการปากมดลูกตีบ สามารถดูแลตนเองเบื่องต้นได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ที่รักษา
  • ดูแลความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
  • ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะอาจทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อตามมาได้
  • หากพบว่าตนเองมีอาการที่ผิดปกติ ควรพบแพทย์โดยด่วน


ป้องกันปากมดลูกตีบได้อย่างไร

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดภาวะปากมดลูกตีบ คือ หลีกเลี่ยงหัตถกรรมทางการแพทย์ที่ต้องทำบริเวณปากมดลูกบ่อยๆโดยไม่จำเป็น เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก การขูดมดลูก หรือ หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เป็นต้น


ข้อสรุป

ภาวะปากมดลูกตีบ มักมีสาเหตุสำคัญมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือปากมดลูกตีบแต่กำเนิดและปากมดลูกตีบจากสาเหตุอื่นๆ เช่น การทำหัตถการแพทย์บริเวณปากมดลูก ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน โดยอาการที่สามารถพบได้คือ ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดท้องประจำเดือนเลือดประจำเดือนไหลไม่สะดวกหรือขาดประจำเดือน คลำพบก้อนบริเวณมดลูก มีภาวะมีบุตรยาก เป็นต้น คนไข้บางรายอาจไม่พบอาการผิดปกติเลยหรือพบว่ามีอาการอยู่ในระดับรุนแรงแล้ว หากสังเกตว่าตนเองพบอาการเหล่านี้นั้นไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายวินิจฉัยหาสาเหตุและรีบรักษาอาการได้อย่างทันท่วงที

เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

มีลูกยาก คืออะไร? รักษาได้อย่างไร? หาคำตอบจากแพทย์ได้ที่นี่

Read the story
บทความ

ฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) คืออะไร? เรื่องน่ารู้เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก

Read the story
บทความ

Infertility: Causes, Symptoms, Tests, and Treatments

Read the story
บทความ

เด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร? ต่างกับ อิ๊กซี่ ICSI ไหม ต้องรู้อะไรอีกบ้างก่อนทำ

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ