มดลูกถือเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญของฝ่ายหญิงที่ใช้สำหรับเจริญพันธุ์ ฝ่ายหญิงจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจให้ดี อาหารบำรุงมดลูกของฝ่ายหญิงก่อนตั้งครรภ์ นับเป็นหนึ่งในตัวช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์และยังนับว่าเป็นวิตามินบำรุงไข่กับมดลูก ที่ปัจจุบันคนอยากมีลูกนิยมเลือกทานกันเป็นจำนวนมาก
สำหรับใครที่กำลังเริ่มอยากดูแลตัวเองและกำลังมองหาตัวช่วยบำรุงมดลูก BeyondIVF ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เราได้รวบรวมแนวทางการเลือกทานอาหารบำรุงมดลูกมาให้คุณในบทความนี้แล้ว
ตอบคำถาม : อาหารบํารุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์สำคัญอย่างไร มีอะไรบ้าง ?
- อาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ช่วยเตรียมความพร้อมให้ฝ่ายหญิงมีแนวโน้มตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น ด้วยการบำรุงมดลูกและรังไข่ให้แข็งแรง มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุด
- การทานอาหารบำรุงมดลูกและรังไข่จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแท้ง การคลอดบุตรก่อนกำหนด ตลอดจนเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์แก่ผู้ประสบภาวะมีบุตรยากได้
- อาหารบำรุงมดลูกที่ช่วยกระตุ้นการตกไข่ ปรับสมดุลฮอร์โมนฝ่ายหญิง และเสริมสร้างแคลเซียมให้กับร่างกายควรประกอบไปด้วยแร่ธาตุสังกะสี, โอเมก้า 3, วิตามิน, ธาตุเหล็ก และโปรตีน
- อาหารบำรุงรังไข่และมดลูกที่ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์และหาทานได้ง่าย ได้แก่ เมล็ดฟักทอง, ถั่ว, ไข่, นมสด, ผักโขม, งาดำ, ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เป็นต้น
- ผู้วางแผนมีบุตรควรรับประทานอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ควบคู่ไปกับการปฏิบัติตามวิธีดูแลมดลูก ได้แก่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพิ่มความแข็งแรงด้วยการนวดมดลูก
- ผู้วางแผนมีบุตรควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักและควรควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเกิดภาวะมดลูกหย่อน
บํารุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์สำคัญอย่างไร
สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของผู้ที่เตรียมตั้งครรภ์ หรือผู้ที่กำลังวางแผนมีลูกก็คือ การบำรุงมดลูกให้แข็งแรงและสมบูรณ์เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเจริญพันธุ์มากขึ้น ด้วยการออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ เมื่อมดลูกแข็งแรงจะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้ตัวอ่อนฝังตัวในมดลูกได้ดีขึ้น ซึ่งหมายความว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ การทานอาหารบำรุงมดลูกและรังไข่ยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะแท้ง การคลอดบุตรก่อนกำหนด ตลอดจนผู้ประสบภาวะมีบุตรยาก สำหรับใครที่อยู่ในช่วงเตรียมตั้งครรภ์ก็สามารถปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อแนะนำอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
อยากมีมดลูกแข็งแรงนอกจากอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ มีวิธีดูแลมดลูกแบบไหนอีกบ้าง?
นอกจากอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์แล้ว การออกกำลังกายก็เป็นหนึ่งในวิธีดูแลมดลูกเช่นกัน การมีสุขภาพที่ดีก็ต้องควบคู่กับการออกกำลังกาย และการออกกำลังกายยังส่งผลดีต่อมดลูกให้แข็งแรงมากขึ้นอีกด้วย การออกกำลังกายที่แนะนำ ได้แก่ ว่ายน้ำ, โยคะ, แอโรบิก รวมไปถึงการบริหารอุ้งเชิงกราง จะเป็นการขมิบค้างไว้ประมาณ 5 วินาที สลับกับผ่อนคลาย 5 วินาที ทำแบบนี้ได้เรื่อย ๆ ตามที่เราสะดวก
- นวดเพิ่มความแข็งแรงของมดลูก
การนวดเพื่อเพิ่มแข็งแรงให้มดลูกควบคู่ไปกับการทานอาหารบำรุงก่อนตั้งครรภ์นั้น เป็นการนวดเพื่อให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงมดลูก ท่อนำไข่ และรังไข่ได้ดียิ่งขึ้น เพราะเป็นการช่วยเพิ่มออกซิเจนในกระแสเลือด ส่งผลให้กล้ามเนื้อมดลูกแข็งแรง จึงสามารถรองรับตัวอ่อนที่เกิดจากการปฏิสนธิได้ เมื่อท่อนำไข่เคลื่อนไหวดีก็จะเพิ่มโอกาสการผสมระหว่างไข่กับอสุจิที่เกิดขึ้นในท่อรังไข่สูงขึ้น ช่วยให้มดลูกสามารถบีบไล่เลือดประจำเดือนได้ดี ลดอาการปวดประจำเดือน และช่วยขับสารพิษของเสียหรือของตกค้างที่อยู่ในโพรงมดลูกออกได้อีกด้วย
ฝ่ายหญิงที่อยู่ในช่วงทานอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์หรือวางแผนตั้งครรภ์ควรตรวจภายในและตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพราะโรคบางโรคอาจไม่แสดงอาการในช่วงแรก ๆ แต่จะแสดงอาการออกมาในระดับขั้นรุนแรงแล้วซึ่งทำให้ยากต่อการรักษา โดยทั่วไปการตรวจภายในจะตรวจร่างกายเพื่อหาโรคต่าง ๆ ดังนี้
- ตรวจคัดกรองความเสี่ยงมะเร็งปากมดลูก
- ตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในแท้, โรคหนองในเทียม, โรคเริม, โรคพยาธิในช่องคลอดจากการติดเชื้อ หรือโรคติดเชื้อไวรัสเอชพีวี (HPV)
- ตรวจหาการติดเชื้อในช่องคลอด เช่น การติดเชื้อรา หรือแบคทีเรีย
- ตรวจและหาสาเหตุความผิดปกติของมดลูก เช่น ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก, ตกขาวผิดปกติ, เนื้องอกมดลูก, เนื้องอกรังไข่ หรือภาวะมดลูกหย่อน
- ตรวจก่อนการคุมกำเนิด เพื่อดูว่าอุปกรณ์ที่จะใช้มีความเหมาะสม เช่น การใส่ห่วงอนามัย
- ตรวจเมื่อเริ่มตั้งครรภ์ เพื่อประเมินความพร้อมในการตั้งครรภ์ หาความเสี่ยง และป้องกันโรคที่เกี่ยวข้อง
- หากิจกรรมผ่อนคลายเพื่อลดความเครียด
สุขภาพจิตก็เป็นเรื่องสำคัญไม่น้อยกว่าการทานอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์เช่นกัน หากฝ่ายหญิงสะสมความเครียดมากเกินไป จะทำให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติหรือเกิดภาวะฮอร์โมนขาดสมดุล ซึ่งส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของฝ่ายหญิงทั้งการทำงานของมดลูกและประจำเดือนมาไม่ปกติได้
ดังนั้น ผู้วางแผนมีบุตรควรหากิจกรรมผ่อนคลายทำเพื่อลดความเครียด เช่น การออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือฟังเพลง ตลอดจนนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนได้อย่างสมดุล ส่งผลให้มดลูกและรังไข่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่อมดลูกหย่อน
หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้มีบุตรยากและส่งผลต่อมดลูกโดยตรง คือ พฤติกรรมเสี่ยงต่อการทำให้มดลูกหย่อน (Prolapsed Uterus) ไม่ว่าจะเป็นการยกของหนัก การมีน้ำหนักเกินเกณฑ์ หรือมีอาการท้องผูก ทำให้กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานหดเกร็งหรือได้รับแรงกดทับเป็นประจำ ส่งผลให้มดลูกเคลื่อนที่ต่ำลงมาถึงช่องคลอด หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้อวัยวะส่วนอื่น เช่น ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ หย่อนลงมาที่ช่องคลอดได้
ผู้ที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์จึงควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักและควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ โดยการเลือกทานอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ในปริมาณที่เหมาะสม ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ
ข้อสรุป อาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์ดีอย่างไร?
การรับประทานอาหารบำรุงมดลูกก่อนตั้งครรภ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ทำให้มดลูกแข็งแรงและเสริมสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี โดยควรทำควบคู่กับการดูแลมดลูกในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การนวดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้มดลูก การออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการยกของหนัก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม วิธีการดูแลตนเองและมดลูกดังกล่าว ไม่ได้เป็นการการันตีว่าฝ่ายหญิงจะสามารถตั้งครรภ์ได้ 100% หากตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติเกิน 1 ปีแล้วยังไม่เห็นผล แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยสาเหตุอย่างละเอียดและวางแผนในการรักษา
ที่ BeyondIVF ศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก เราพร้อมให้คำปรึกษาดูแลผู้ที่อยากมีบุตรและบริการตรวจร่างกายหาสาเหตุการมีบุตรยาก จากทีมแพทย์เฉพาะทางด้านการรักษามีบุตรยากด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี พร้อมห้องปฏิบัติการที่ได้รับมาตรฐานชั้นนำ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Line@ : @beyondivf