การเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการมีสุขภาพที่แข็งแรงจะช่วยให้มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ง่ายขึ้น มาดูกันว่าคุณสามารถเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์ได้อย่างไรบ้าง
สิ่งที่ควรรู้ก่อนตั้งครรภ์
1. เตรียมร่างกายให้พร้อม
การดูแลสุขภาพเพื่อเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์ เริ่มต้นได้จากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และในบางกรณีแพทย์อาจแนะนำให้ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม การออกกำลังกายที่ดีสำหรับช่วงนี้ ได้แก่ การวิ่ง ปั่นจักรยาน โยคะ และแอโรบิก ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยเรื่องการหายใจและการทำสมาธิอีกด้วย
2. เตรียมจิตใจให้พร้อม
ความเครียดส่งผลต่อการตั้งครรภ์อย่างชัดเจน เพราะความคิดและอารมณ์มีความเกี่ยวข้องกับสุขภาพจิตโดยตรง การจัดการชีวิตประจำวันให้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญ ระดับฮอร์โมนความเครียดที่สูงอาจส่งผลให้การตกไข่ล่าช้าหรือมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
3. วางแผนการเงินให้พร้อม
เรื่องการเงินก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญในการเตรียมตัวก่อนมีลูก เพราะเมื่อมีสมาชิกใหม่ในครอบครัว ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ไม่ได้เริ่มต้นแค่หลังคลอด แต่เริ่มตั้งแต่ก่อนการตั้งครรภ์เลยด้วยซ้ำ ดังนั้น การวางแผนทางการเงินล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ก่อนจะมีลูก... เตรียมอะไรบ้าง?
การเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนตั้งครรภ์ไม่ใช่แค่หน้าที่ของฝ่ายหญิงเท่านั้น แต่ทั้งคู่ควรดูแลสุขภาพ ตรวจร่างกาย และป้องกันโรคที่อาจส่งผ่านไปยังลูกน้อยได้ การยืนยันว่าทั้งพ่อและแม่มีสุขภาพแข็งแรง จะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ และเพิ่มโอกาสให้ลูกน้อยเกิดมาอย่างแข็งแรง
1. ปรึกษาแพทย์ก่อนวางแผนตั้งครรภ์ (Preconception Counseling)
การปรึกษาแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์ถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่วางแผนจะมีบุตรหรือกำลังเผชิญภาวะมีบุตรยาก การเตรียมร่างกายและตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัย
ที่ Beyond IVF เรามีบริการให้คำปรึกษาฟรีสำหรับคู่รักที่ต้องการวางแผนมีบุตร พร้อมบริการตรวจภาวะเจริญพันธุ์อย่างละเอียด ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านสุขภาพทั่วไป สุขภาพทางพันธุกรรม และระดับฮอร์โมน
การตรวจเลือด
- ตรวจหาโรคติดเชื้อที่อาจส่งผลต่อทารก เช่น หัดเยอรมัน HIV และไวรัสอื่น ๆ
- ตรวจความเข้มข้นของเม็ดเลือด น้ำตาลในเลือด และภูมิคุ้มกัน
- ตรวจหาโรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย ซึ่งเป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม และอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ หรือเกิดภาวะซีดเรื้อรังหลังคลอด
โอกาสการถ่ายทอดธาลัสซีเมียจากพ่อแม่สู่ลูก
- ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคธาลัสซีเมีย: ลูกมีโอกาสเป็นโรค 100%
- ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะ:
- ลูกมีโอกาสเป็นโรค 25%
- เป็นพาหะ 50%
- ไม่เป็นโรคและไม่เป็นพาหะ 25%
- ถ้ามีพ่อหรือแม่เป็นพาหะคนเดียว: ลูกมีโอกาสเป็นพาหะ 50%
- ถ้าคนหนึ่งเป็นโรค อีกคนไม่เป็น: ลูกมีโอกาสเป็นพาหะ 100%
- ถ้าคนหนึ่งเป็นโรค อีกคนเป็นพาหะ: ลูกมีโอกาสเป็นโรค 50% และเป็นพาหะ 50%
การตรวจระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับภาวะเจริญพันธุ์
- AMH (Anti-Müllerian Hormone): บ่งบอกคุณภาพของรังไข่
- Estradiol (ER): ฮอร์โมนเพศหญิงพื้นฐาน
- Progesterone (P4): เตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกสำหรับการฝังตัวของตัวอ่อน
- LH (Luteinizing Hormone): กระตุ้นการตกไข่และการสร้างอสุจิ
- Prolactin (PRL): ควบคุมการหลั่งน้ำนม และมีผลต่อรอบเดือนในผู้หญิง
- FSH (Follicle-Stimulating Hormone): ช่วยกระตุ้นการเจริญของไข่
การตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด
เพื่อตรวจดูมดลูกและรังไข่ว่ามีซีสต์ เนื้องอก หรือความผิดปกติอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์หรือไม่
หากต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจภาวะมีบุตรยาก สามารถดูได้ที่หัวข้อ: การตรวจภาวะมีบุตรยาก: การวินิจฉัย ขั้นตอน และค่าใช้จ่าย
2. โภชนาการเพื่อสุขภาพและน้ำหนักที่เหมาะสม
โภชนาการก่อนการตั้งครรภ์
การกินอาหารให้หลากหลายและสมดุลจากทั้ง 5 หมู่ เป็นพื้นฐานสำคัญของการเตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลสูง และหันมาเน้นการรับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น โดยเฉพาะ:
- ผักใบเขียว เช่น ผักโขม คะน้า
- ผลไม้ เช่น ส้ม กล้วย
- ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต
- ถั่วและพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วลิสง ถั่วเหลือง ข้าวโพด
อาหารเหล่านี้อุดมไปด้วย กรดโฟลิก (Folic Acid) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการลดความเสี่ยงของความผิดปกติของทารกในครรภ์ เช่น โรคหลอดประสาทไม่ปิด (Spina Bifida)
นอกจากนี้ ควร:
- เน้นการรับประทาน โปรตีน ในทุกมื้ออาหาร เช่น ไข่ เนื้อปลา เต้าหู้
- เลือกรับประทานคาร์โบไฮเดรตจากแหล่งที่ดี เช่น ข้าวกล้อง
- รับประทาน ธาตุเหล็ก ให้เพียงพอ เพื่อช่วยในการพัฒนาสมองของทารก
ถ้าน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือน้อยเกินไป
น้ำหนักตัวที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ อาจส่งผลต่อโอกาสในการตั้งครรภ์ได้:
- ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือมีปริมาณไขมันในร่างกายมากเกินไป อาจมีระดับ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) สูงผิดปกติ ซึ่งจะรบกวนกระบวนการตกไข่
- ส่วนผู้ที่ผอมเกินไป อาจมีไขมันในร่างกายไม่เพียงพอจนกระทบต่อรอบเดือนและภาวะการตกไข่เช่นกัน
การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการเตรียมความพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
3. หยุดสูบบุหรี่และงดดื่มแอลกอฮอล์
เลิกบุหรี่ เพื่อสุขภาพของคุณและลูกน้อย
การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำลายสุขภาพของคุณโดยรวม แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ โดยเฉพาะหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังเพิ่มความเสี่ยงของ:
- การแท้งบุตร
- การตั้งครรภ์นอกมดลูก (Ectopic Pregnancy)
- การเจริญเติบโตที่ล่าช้าของทารกในครรภ์
หากคุณหรือคู่ของคุณสูบบุหรี่ การหยุดให้ได้ก่อนตั้งครรภ์จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
งดแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด
ไม่มีระดับของแอลกอฮอล์ที่ “ปลอดภัย” สำหรับการตั้งครรภ์ การดื่มแอลกอฮอล์ขณะตั้งครรภ์อาจส่งผลต่อพัฒนาการของสมอง ระบบประสาท และอวัยวะสำคัญของทารก รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนระยะยาว เช่น:
- ความผิดปกติทางพฤติกรรม
- ความบกพร่องทางสติปัญญา
- ปัญหาสุขภาพเรื้อรังในระยะยาว
ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะตั้งครรภ์ ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ล่วงหน้า และงดอย่างเด็ดขาดทันทีที่ตั้งครรภ์
4. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำเมื่อวางแผนจะตั้งครรภ์ช่วยลดความเครียดและเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ การมีสุขภาพที่ดีจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าทารกในครรภ์ก็จะมีสุขภาพที่ดีเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายควรทำอย่างพอเหมาะ ไม่ควรหนักเกินไป การเดิน, ว่ายน้ำ, การออกกำลังกายแบบแอโรบิก และโยคะ เป็นกิจกรรมที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้ที่กำลังเตรียมตัวตั้งครรภ์
การออกกำลังกายที่พอดีจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ทั้งยังช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมน และเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์ได้ดีขึ้น
5. นอนหลับให้เพียงพอ
การนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง ทุกคืนเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเตรียมตัวตั้งครรภ์ การนอนหลับช่วยจัดการกับความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะมีบุตรยาก เนื่องจากฮอร์โมนความเครียดสามารถรบกวนฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการเจริญพันธุ์ ทำให้การตกไข่ไม่เป็นปกติ และทำให้ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิไม่สามารถฝังตัวในมดลูกได้
การนอนหลับเพียงพอไม่เพียงแต่ช่วยลดความเครียด แต่ยังช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์ในอนาคตอีกด้วย
6. ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับยาที่คุณกำลังใช้
หากคุณกำลังใช้ยาและวางแผนจะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลกระทบของยาที่คุณใช้ต่อการตั้งครรภ์ เพราะบางชนิดอาจต้องหยุดใช้ชั่วคราว หากคุณกำลังทานยาคุมกำเนิด คุณจะถูกแนะนำให้หยุดใช้ยาทันที
การตั้งครรภ์อาจเกิดขึ้นทันทีหลังจากหยุดใช้ยาคุมกำเนิด หรืออาจใช้เวลาหลายเดือนกว่าการตกไข่จะกลับมาเป็นปกติ ซึ่งการตั้งครรภ์ทันทีหลังจากหยุดยาคุมกำเนิดไม่ถือเป็นอันตราย
อย่างไรก็ตาม การหยุดใช้ยาคุมกำเนิดก่อนที่จะตั้งครรภ์สักระยะหนึ่งสามารถช่วยให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาขึ้น ซึ่งจะช่วยให้การฝังตัวของตัวอ่อนในมดลูกเป็นไปได้ง่ายขึ้น
บทสรุป
การเตรียมร่างกายสำหรับการตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากคุณสงสัยว่าจะเตรียมตัวอย่างไรให้ดีที่สุดเพื่อการตั้งครรภ์ที่ราบรื่น คุณสามารถปรึกษาแพทย์หรือทำการศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองเพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นเรื่องง่ายและสุขภาพของลูกน้อยแข็งแรง
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม หรืออยากปรึกษาเกี่ยวกับการเตรียมตัวตั้งครรภ์ สามารถติดต่อเราผ่าน Line@beyondivf