Skip to content

ตัดมดลูกไปแล้วต้องตรวจมะเร็งปากมดลูกอีกไหม? ตอบคำถามโดย คุณหมอกิตติ ฉัตรตระกูลชัย


27 มีนาคม 2025
บทความ

Q: ตัดมดลูกไปแล้วต้องตรวจมะเร็งปากมดลูกอีกไหม ?

A: หากได้ตัดมดลูกไปแล้ว ก็ต้องมาดูกันก่อนว่าตัดออกไปในรูปแบบไหนถ้าตัดมดลูกร่วมกับปากมดลูกก็มีความจำเป็นที่จะไม่ต้องตรวจมะเร็งปากมดลูกซ้ำ ยกเว้นเสียแต่ว่าหลังจากที่เราตัดมดลูกออกไปแล้วนั้นมีการตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ที่ปากมดลูกส่วนมียังมีความจำเป็นที่ต้องตรวจอยู่ครับ

การผ่าตัดมดลูก (Hysterectomy) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ใช้ในการรักษาโรคหรือภาวะต่าง ๆ เช่น เนื้องอกในมดลูก, ภาวะเลือดออกผิดปกติ, หรืออาการปวดเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับมดลูก ในระหว่างการผ่าตัดนี้ มดลูกจะถูกนำออกไป ซึ่งอาจทำให้ผู้หญิงหลายคนเกิดคำถามเกี่ยวกับความจำเป็นในการตรวจมะเร็งปากมดลูกในอนาคตว่าต้องทำการตรวจอีกหรือไม่

แม้ว่าการผ่าตัดมดลูกจะนำมดลูกออกไป แต่การตรวจมะเร็งปากมดลูกยังคงมีความสำคัญ

  • มะเร็งปากมดลูกเกิดขึ้นที่ไหน

มะเร็งปากมดลูกเกิดขึ้นที่ปากมดลูก ซึ่งเป็นส่วนที่ยังคงอยู่แม้ว่ามดลูกจะถูกนำออกไป นอกจากนี้ ผู้หญิงที่ได้รับการผ่าตัดมดลูกยังมีความเสี่ยงต่อมะเร็งอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์

  • อายุและประวัติสุขภาพ

ผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้น หรือมีประวัติครอบครัวที่เป็นมะเร็งปากมดลูก ควรได้รับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ แม้ว่าจะไม่มีมดลูกแล้ว

  • ความเสี่ยงของมะเร็งชนิดอื่น

ผู้หญิงที่ผ่าตัดมดลูกอาจต้องคำนึงถึงความเสี่ยงของมะเร็งชนิดอื่น เช่น มะเร็งรังไข่ หรือมะเร็งช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้แม้จะไม่มีมดลูก

วิธีการตรวจมะเร็งปากมดลูก

การตรวจมะเร็งปากมดลูกหรือการตรวจอื่น ๆ หลังการผ่าตัดมดลูกควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ โดยทั่วไปอาจรวมถึง
  • การตรวจ Pap smear: โดยทั่วไปควรตรวจทุก 3 ปี สำหรับผู้หญิงอายุ 21-65 ปี และอาจมีการตรวจร่วมกับการตรวจหาไวรัส HPV (Human Papillomavirus) เพื่อประเมินความเสี่ยง
  • การตรวจด้วยวิธีอื่น: ขึ้นอยู่กับประวัติสุขภาพส่วนบุคคล และความเสี่ยงที่มี เช่น การตรวจด้วยการอัลตราซาวด์หรือ MRI หากมีอาการผิดปกติ

แม้ว่าการผ่าตัดมดลูกจะนำมดลูกออกไป แต่การตรวจมะเร็งปากมดลูกยังคงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพของผู้หญิง การปรึกษาแพทย์และการปฏิบัติตามคำแนะนำในการตรวจสอบจะช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาสุขภาพได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นในอนาคต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ไลน์แอด @Beyondivf

เรื่องราวความสำเร็จอื่น ๆ

บทความ

มีลูกยาก คืออะไร? รักษาได้อย่างไร? หาคำตอบจากแพทย์ได้ที่นี่

Read the story
บทความ

ฉีดเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูก (IUI) คืออะไร? เรื่องน่ารู้เพื่อเพิ่มโอกาสมีลูก

Read the story
บทความ

Infertility: Causes, Symptoms, Tests, and Treatments

Read the story
บทความ

เด็กหลอดแก้ว IVF คืออะไร? ต่างกับ อิ๊กซี่ ICSI ไหม ต้องรู้อะไรอีกบ้างก่อนทำ

Read the story

นาฬิกาสุขภาพ

เครื่องมือนี้ระบุ :

  • โอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติในแต่ละเดือน หากไม่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก
  • อัตราความสำเร็จของการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ในช่วงอายุเดียวกัน
  • ควรปรึกษาแพทย์เมื่อพยายามตั้งครรภ์ไม่สำเร็จเป็นระยะเวลากี่เดือน

หากคุณกังวลไม่ว่าขั้นตอนใดก็ตาม เราขอแนะนำให้ลงนัดแพทย์หรือขอคำปรึกษาจากพยาบาลฟรี ยิ่งคุณวางแผนได้เร็วเท่าไรโอกาสของคุณก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไหร่ที่ควรขอคำแนะนำ

  • หากคุณมีภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (PCOS), เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) หรือเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง เราขอแนะนำให้คุณติดต่อเราทันที เพื่อที่เราจะได้อธิบายทางเลือกทั้งหมดและช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้มากที่สุด
  • หากคุณเป็นผู้หญิงที่มีสถานะโสดและกำลังพิจารณาว่าอยากมีลูกในอนาคต ควรเข้ามาปรึกษาเราแต่เนิ่น ๆ และพิจารณาการฝากไข่ (Egg Freezing) ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีในช่วงที่คุณยังมีไข่จำนวนมาก และสุขภาพของไข่อยู่ในเกณฑ์ที่ดี
กำหนดอายุของคุณและระยะเวลาที่คุณพยายามตั้งครรภ์ (เป็นเดือน)
26
2
โอกาสในการมีบุตรต่อเดือนสำหรับคู่รักที่มีภาวะเจริญพันธุ์ปกติ
โอกาสในการมีบุตรต่อรอบการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หากมีภาวะมีบุตรยาก

เครื่องคำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)

การมีน้ำหนักเกินหรือต่ำกว่าเกณฑ์อาจจะลดความสามารถในการมีบุตรได้ ดังนั้น การรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นตัวบ่งชี้น้ำหนักตัวของคุณและสามารถคำนวณได้โดยการหารน้ำหนักด้วยส่วนสูง คุณควรตั้งเป้าหมายไว้ที่ค่าดัชนีมวลกายระหว่าง 20 ถึง 25 เนื่องจากจะช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

ค่าดัชนีมวลกายของผู้หญิงต่ำกว่า 19

แม้ในยุคปัจจุบัน ธรรมชาติของร่างกายก็ยังรู้ดีที่สุด หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

น้ำหนักน้อยเกินไป

หากดัชนีมวลกาย (BMI) ของผู้หญิงต่ำกว่า 19 ร่างกายจะรับรู้ถึงภาวะขาดแคลนอาหารและจะหยุดการตกไข่เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการตั้งครรภ์ที่อาจทำให้ทารกขาดสารอาหาร การออกกำลังกายมากเกินไปสามารถลดไขมันในร่างกายและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ แต่ถ้าหักโหมมากเกินไปอาจทำให้ประจำเดือนหยุดลงด้วยเหตุผลเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงในการแท้งที่สูงขึ้นในผู้หญิงที่มี BMI ต่ำอีกด้วย

ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 30

สิ่งนี้สามารถลดความสามารถในการมีบุตรได้ถึง 50% การตั้งครรภ์ในผู้หญิงที่มี BMI สูงกว่า 30 มักจะเกี่ยวข้องกับปัญหาต่างๆ เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง ทารกตัวใหญ่ และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในการผ่าคลอด

เพิ่มส่วนสูงและน้ำหนักของคุณเพื่อคำนวณดัชนีมวลกายของคุณ